ก่อนอื่นต้องบอกว่าตอนนั้นภาษาอังกฤษผมแย่มาก พูดก็ไม่คล่อง เขียนก็มั่ว รู้สึกอายเวลาเจอฝรั่งเลยคิดว่าต้องหาครูมาเสริมแบบตัวต่อตัวซะหน่อย แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ฟรี! และต้องเลือกครูได้เอง เพราะเคยเรียนกลุ่มมาก่อนแล้วไม่เวิร์ก
ลงมือหาข้อมูล
ผมเริ่มเปิดกูเกิลแล้วลองพิมพ์คำว่า “เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวฟรี” เจอเว็บมากมายแต่ส่วนใหญ่บอกฟรีสุดท้ายโดนเก็บตังต์! บางเว็บให้ทดลองเรียนฟรี 1 ครั้ง แต่ครูที่สอนไม่ตรงสไตล์เราเลย อารมณ์เหมือนโดนหลอก ขั้นตอนแรกนี่เซ็งมากเกือบถอดใจ
เจอทางเออกับแอป
อยู่ๆเพื่อนที่ทำงานก็ส่งลิงก์แอปมาให้ (นี่เขาอารมณ์ดีบอกมาไม่ใช่โฆษณานะ) ผมรีบโหลดทันที ตอนสมัครเขาถามละเอียดว่า :

- อยากฝึกทักษะอะไรเป็นพิเศษ – ผมติ๊ดทุกอันเลย ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน
- ต้องการครูแบบไหน – เลือกได้เองว่าเอาใจดีๆหรือซีเรียสส์
- สะดวกเรียนเวลาไหน – ผมเลือกหลังเลิกงานเพราะไม่กลัวง่วง
แอปนี้เจ๋งตรงที่ดูโปรไฟล์ครูได้แบบละเอียด เห็นประวัติการศึกษา คลิปวีดีโอแนะนำตัว แถมรีวิวจากคนเรียนจริงๆ ผมใช้เวลานั่งสกรอลล์กว่าชั่วโมงเหมือนดูรูปในทินเดอร์ 5555 สุดท้ายเจอครูลุงใจดีคนนึงที่เคยสอนเด็กนักเรียนมาก่อน ติดใจเลยเพราะรีวิวบอกว่าใจเย็นมากไม่ดุแม้กระทั่งเราผิดเยอะ
พบครูตัวจริง!
พอถึงเวลาครูโทรมาในแอป เข้าเซสชั่นแรกรู้เลยว่าครูลุงนี่โคตรโปร!
- เริ่มจากจับจุดอ่อน : ครูลุงให้พูดอัดเสียงตอบคำถามง่ายๆ แล้วชี้เปร๊ะๆว่า “ตรงนี้เธอออกเสียง R ผิด” “ตรงนี้ควรเติม S”
- ไม่ทรมานด้วยแกรมมาร์ : เขาเน้นให้พูดไปก่อนไม่ต้องกลัวผิด แล้วค่อยยัดแกรมมาร์ทีหลังผ่านการเขียนอีเมล
- แต่งประโยคปังๆ : ให้เอาภาพในมือถือมาเรียงเป็นเรื่องแล้วเล่าให้ฟัง สนุกเหมือนเล่าไดอารี่ฝรั่ง
เซสชั่นละ 30 นาทีแต่คุ้มมาก เพราะครูเม้ามอยเฉพาะกับเราคนเดียว บางวันติดประชุมก็กดเลื่อนผ่านแอปได้ไม่โดนหักชั่วโมง เรียนฟรี 3 ครั้งแรกจริงๆ ไม่มีหลุดจ่ายอะไรทั้งนั้น
ผลลัพธ์ที่ได้
หลังเรียนมาได้สามเดือน อาการ “กักไอเดียในหัว”แต่พูดไม่ออกลดลงฮวบฮาบ ตอนนี้พอจะสั่งกาแฟหรือถามทางกับนักท่องเที่ยวได้คล่องขึ้น ไม่ใช่แค่พูดได้ แต่ยังรู้สึกมั่นใจขึ้นไปซื้อนึง เวลาเขียนแชตกับลูกค้าก็มีครูลุงคอยเช็คให้ว่าแกรมมาร์ไม่น่าอาย
สิ่งที่ดีที่สุดคือ ได้ครูฟรีที่ใช่แบบสุดๆ ผมว่าการเลือกครูได้เองนี่สำคัญกว่าฟรีอีก ถ้าอยากพัฒนารัวๆต้องเจอคนที่เรารู้สึกสะดวกใจจริงๆ ยอมลงแรงค้นหน่อยแต่คุ้ม!
