เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่งคิดว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษให้ได้ ฟังพูดอ่านเขียนเอาจริงเอาจัง เลยเริ่มหาที่เรียนแบบจัดเต็มทั้ง 4 ทักษะ พอเปิดกูเกิลหา ตาแทบปูด เพราะมีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ราคาก็ต่างกันสุดขั้ว
เริ่มจากอัดคอร์สออนไลน์ก่อน
- เจอเว็บแรกโฆษณาด้วยภาพสวยหรู เค้าบอกว่าเริ่มเรียนได้เลยเพียง 3,990 แต่พอดูรายละเอียดแล้วเรียนได้แค่ฟังกับอ่าน
- เจออีกที่ชื่อดังราคา 14,900 บาท เรียนสดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ดูตารางแล้วไม่เข้ากะทำงานเลยยอมแพ้
- สุดท้ายลองลงทริอฟรี 7 วันของแอปฯนึง พอหมดทดลอง ปรากฎว่าแพ็กเกจละ 5,900/เดือน! ตกใจเกือบทำโทรศัพท์ตก
เปลี่ยนมาดูคอร์สสอนสดแถวบ้านบ้าง ไปสำรวจ 3 สถาบันใกล้รถไฟฟ้า:
- ที่แรกราคา 22,000 เรียน 3 เดือน แต่ห้องเรียนเบียดเสียดยัดกัน 20 คน ครูเดินดูงานแทบไม่ทั่ว
- ที่สองถูกหน่อย 15,000 แต่สถาบันเก่ามาก หนังสือเรียนยังเป็นเอกสารถ่ายเอกสาร ขอบเป็นรอยหนูแทะ
- ที่สามโหดสุด 45,000! แถมพอถามว่าเรียนจบแล้วจะพูดได้ไหม ครูตอบว่า “ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เรียนนะคะ” แค่นี้ก็เดินออกมาแล้ว
บังเอิญเจอดวงดีที่ตลาดนัด
วันอาทิตย์ก่อนไปเดินตลาดนัดหนังสือเก่า เห็นลุงแก่ๆ ขายตำราอังกฤษรุ่นโบราณ แผ่นละ 20 บาท ซื้อมา 5 เล่มรวม 100 บาท พออ่านดู ปรากฎว่าสอน grammar ชัดกว่าคอร์สหมื่นกว่า! เล่มนึงมีตัวอย่างประโยคให้ฝึกพูดกว่า 200 ประโยค
เลยลองเอาเทคนิคลุงมาประยุกต์:
- ทุกวันฟังพอดแคสต์ฟรีในยูทูป เลือกเรื่องที่สนใจ อย่างการทำอาหารหรือกีฬา
- ใช้แอปฯแชทพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ ไม่ตื่นเต้นแม้จะพูดผิด
- ซื้อสมุด 20 บาทมาสองเล่ม อันนึงจดศัพท์ อีกอันลองเขียนไดอารี่ภาษาอังกฤษทุกวัน
ผ่านไปเดือนนึง รู้สึกตัวเองพัฒนาเร็วขึ้นได้แปลกใจ คุยกับเพื่อนออสเตรเลียรู้เรื่องกว่าแต่ก่อน ส่วนเรื่องเขียนก็เริ่มไม่ต้องเปิดดิกบ่อยๆ
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคอร์สแพงๆ บางที่มันแพงค่าแอร์ร้านสวยกับค่าการตลาด จริงๆ แล้วคนอยากเก่งภาษาแค่ มีใจสม่ำเสมอ กับเครื่องมือถูกๆ ก็ไปได้ไกล เรียนเสร็จอาจจะมาทำบล็อกสอนภาษาแบบมินิมอลให้คนอื่นฟรีดีกว่า!
