เริ่มต้นแบบงูๆปลาๆ
ความจริงตั้งใจจะเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้วนะ แต่พอเปิดหนังสือทีไรก็เบลอทุกที ศัพท์ยากแกรมม่ายิ่งกว่าเดินหลงป่า สุดท้ายก็ทิ้งไว้ก่อนเหมือนเดิม จนกระทั่งวันนึงนั่งดูคลิปแมวเซอร์ไพรส์ตัวเองได้ เล่นแมวพูดภาษาอังกฤษเป็นประโยค! ตอนนั้นถึงกับลุกวูบๆเลย ตัวเองเป็นมนุษย์แท้ๆดันสู้แมวไม่ได้เนี่ยนะ.
วิธีบ้านๆของคนไม่มีตัง
แรกๆก็มั่วขนาด กูเกิ้ลหาเพลินไปเรื่อย เดี๋ยวเจอเว็บดีเดี๋ยวเจอแอพเด็ด แต่พอเจอคำว่า premium, subscribe ก็ได้แต่ถอยกรูด ปากบอกอยากเรียนแต่กระเป๋าบอกไม่ให้เสียตัง สรุปคือกลับมางงอีกรอบ. จนไปสะดุดตากับคำว่า “เรียนฟรี” ในเน็ตนี่แหละ ลองคลิกดุ๊กดิ๊กไปดู เลยเจอของดี.
เครื่องมือที่ได้หยิบมาใช้แบบมั่วๆ:

- สมุดจดเล่มเก่า: ขุดมาจากกองหนังสือกลางห้อง สภาพห่อหมก แต่กระดาษยังขาวสะอาด (แถมประหยัดเงินซื้อใหม่ด้วยนะ)
- แอพพลิเคชั่นแปลภาษาฟรี: ตัวไหนก็ได้ที่โหลดมาไม่ต้องจ่ายตัง เห็นป้ายฟรีก็โหลดเล้ย!
- ยูทูบ: ถ้าเจอวิดีโอสอนฟรีที่น่าเชื่อถือหน่อย ไม่ต้องมีซับ ไม่ต้องกด join ก็กดดูโลด!
- รอยยิ้มและความอดทน: อันนี้ของแถมในตัวเลย เวลาเจอศัพท์ไหนไม่รู้เรื่องก็ไม่ใช่ปัญหา แค่ยิ้มและพยายามหาเพิ่มเอง!
ลงมือทำแบบขั้นบันได
เริ่มวันแรกเนี่ย เก็บคำง่ายๆที่เห็นบ่อยก่อนเลย เช่น Good morning, Thank you, Sorry ไม่ต้องเยอะ แค่วันละไม่กี่คำ. ลองแต่งประโยคง่ายๆดูเองบ้าง “I eat rice.” แค่นี้ก็โอเค! ไม่ต้องสนแกรมม่าตอนแรกหรอก พูดได้ก่อนเดี๋ยวค่อยไปปรับทีหลัง.
พอนึกคำไม่ออกก็เปิดแอพแปลช่วย ดันไอโฟนขึ้นลงดูลายตา ได้ศัพท์เพิ่มมาใช้เลยแบบฟรีๆ. เอาจริงบางทีใช้รูปช่วยก็เวิร์คนะ อย่างเวลาอยากรู้ว่าอาหารจานโปรดเรียกว่าอะไร ก็ถ่ายรูปแล้วใส่ในแอพแปลภาพเลย! มันก็เดาออกมาให้เกือบตรงเป๊ะนี่นา ฮึบ! ได้ศัพท์ใหม่แบบไม่ต้องท่อง.
เคล็ดลับไม่ลับของคนขี้เกียจ: แปะโพสอิทคำศัพท์ไว้ที่ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน! เปิดตู้เย็นก็เห็นคำว่า refrigerator เปิดทีวีก็นึกว่า television ซึมซับไปเองแบบไม่ต้องนั่งท่อง เวลาออกไปเดินเล่นเจออะไรก็ลองนึกเป็นภาษาอังกฤษดู อะไรนึกไม่ออกค่อยเปิดแอพทีหลังก็ได้.
อยู่ๆมันก็เวิร์ค!
จำได้วันนึงนั่งฟังเพลงฝรั่งไปทำสตูว์ไป อยู่ๆก็หูแว่วเข้าใจคำว่า “tomorrow” ชัดเจนมาก ไม่ใช่ศัพท์ใหม่นะ แต่เหมือนสมองมันประมวลผลได้เองอัตโนมัติ ตื่นเต้นมากจนกระโดดขึ้นมา! ผลก็คือลูกสตูว์ร้อนกว่าเก่าแต่กินอร่อยกว่าทุกที มันคือความสุขเล็กๆที่แบบ…เฮ้ย! เราก็ทำได้นี่หว่า!.
สรุปง่ายๆว่า ภาษาอังกฤษไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย แค่ต้องเริ่มและไม่ยอมแพ้. ตอนนี้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ เวลาไปเซเว่นเจอทัวริสต์ก็กล้าพูด “Hello, can I help?” แล้วเค้ายิ้มให้ด้วยนะ แม้แกรมม่าอาจจะพังๆแต่มันก็คุ้มค่า อะไรจะสำคัญกว่าใจกล้าๆอีกล่ะ?
