เรื่องมันเริ่มจากผมเห็นโพสต์นี่ในกลุ่มเรียนฟรี เขาว่ามีคอร์สอังกฤษดีๆแจกจริง ไม่ต้องจ่ายสตางค์ด้วย 2565 นี่แหละ ตอนแรกก็กดแชร์เก็บไว้ก่อน ไว้มีเวลาค่อยดู แต่พอเห็นคำว่า “ฟรี” แล้วตาแข็ง เลยลงทะเบียนเลยโดยไม่คิดมาก
ขั้นตอนแรกต้องสู้รบปรบมือกับระบบลงทะเบียนก่อน
- กดลิงก์ลงทะเบียนตอนเที่ยงคืน ตอนนั้นง่วงมากแต่ต้องฝืน เพราะเขาบอกว่าคนลงทะเบียนเต็มใน 5 นาที ผมรีเฟรชหน้าเว็บทุกสิบวินาทีเหมือนเล่นหุ้น
- พอฟอร์มเปิดปุ๊บ นิ้วลน keyboard ถลอกเอา เสียเวลาสามนาทีกรอกเบอร์โทรผิดซะอีก โคตรตื่นเต้น!
- ยืนยันสมัครเสร็จ ปรากฏว่าได้เรียนรุ่นที่ 7 แล้ว เขามีถึงรุ่นที่ 8 เท่านั้น เกือบหมดหวัง!
วันเรียนจริง – สงครามแย่งที่นั่ง
วันอาทิตย์แรก ผมไปถึงตึกเรียนเก้าโมงเช้า (คอร์สเริ่มสิบโมง) นึกว่าจะมาไวได้ที่สวย… เชียว! ห้อง 402 เต็มเกือบครึ่งแล้ว! คนที่มาเร็ว เขาวางสมุดจองที่กันเป็นแถวแบบว่ามีกติกา ผมนี่เซ็ง อยากจะดึงสมุดทิ้งแต่เกรงใจ เลยได้นั่งแถวหลังติดแอร์พอดี ลมเป่าจ่อหัวทั้งคาบ
ครูฝรั่งสอนเร็วมาก! เขาไม่รอใครเลย บอกเลยว่าใครฟังไม่ทันให้ยอมรับความจริงไปก่อน ผมมึนตึบ ตอนที่ครูถามว่า “ใครพอจะเดาคำตอบได้มั้ย” เพื่อนหน้ากระดิกมือกันโหวกเหวก ส่วนผม นั่งกุมขมับนึกในใจว่า ไอ้คำว่า “เดา” นี่ภาษาไทยหรืออังกฤษเนี่ย… นึกอยู่ตั้งสามวิ 555

อุปสรรคแม่พระมาเยือน
- อาทิตย์ที่สอง เพื่อนข้างซ้ายมือเอากาแฟมาดื่มในห้อง พอครูถามคำถาม เขาตื่นเต้นทำกาแฟหกซะเลอะเทอะ อะไหล่มือถือผมก็โดนไปด้วย
- อาทิตย์ที่สาม แฟนผมบ่นแล้วว่าทำไมต้องเรียนอาทิตย์ละสองวัน เบาๆ เป็นต้องยิงข้อความมาถามว่า “จะกลับเมื่อไหร่” ตอนครูกำลังให้ฝึกพูด
- บทเรียน บางทีก็ง่ายเกินจนง่วงนอน บางทีก็ยากเวอร์จนคิดว่ามานั่งทำไมกันแน่
เคล็ดลับเอาชีวิตรอดในคลาสฟรี
- อย่าไปหวังความสมบูรณ์แบบ หัวเราะไว้ก่อนถ้าทำไม่ได้ ครูไม่ว่าอะไรหรอก
- พวกอุปกรณ์เสริมจำเป็นสุดๆ พวกเราต้องทนเอาไมค์เสียงเบามาถือรอมือ ปกติมันจะพังเป็นธรรมดา
- เพื่อนข้างๆ คือพระเจ้า สองอาทิตย์แรกผมต้องคอยแอบขอยืมกระดาษโน๊ตจากแถวหน้า เพราะลืมเอามาเอง
สรุปแล้ว มันเหนื่อยมากแค่ไหน? บอกตรงๆ…เหนื่อยชิบ! แต่ถ้าถามว่า อยากให้เขามีคอร์สแบบนี้อีกมั้ย? ผมจะตอบว่า “เอา!” แม่งเรียนฟรีแท้ๆ แถมได้เจอเพื่อนพากันนั่งหลับในคลาสเหมือนกัน เรื่องความรู้ ตอนนี้เริ่มกล้าพูดอังกฤษกับแบล็กแคทที่ร้านกาแฟแบบไม่สนว่าผิดชาตินะ น่าอิจฉามั้ยล่ะ 555+
