เริ่มจากการยอมรับว่าภาษาอังกฤษกากมาก
ตอนทำงานใหม่ๆ นี่แบบ…เวลาเจออีเมลฝรั่งเมื่อไหร่ต้องแอบเปิดกูเกิลแปลทุกที ตอนประชุมกับทีมต่างชาติหน้าแตกประจำ แม่งพูดไรกันไม่รู้เรื่องเลย รู้ตัวอีกทีก็แอบหลบตาเพื่อนร่วมงานแล้ว
ไปหาเว็บเรียนพิเศษราคาเจ็ดแปดพัน เห็นราคาปุ๊บถอยเลย ปกติก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว พอดีมาเห็นเพจเฟซบุ๊กคนแนะนำแอปฟรี เลยคิดว่า “เออเว่าก็ไม่เสียหาย ลองดูสักตั้ง”
ลงมือเก็บกระปุกทีละบาท
อาทิตย์แรกนี่โหดมาก แอปพวกนั้นให้ท่องศัพท์วันละ 10 คำ พอถึงคํว่า “procurement” แปลว่า “การจัดซื้อ” นี่จำไม่ได้เลยสักที สมองตื้อเหมือนถูกรมกระสุน

- แก้ปัญหาโดยเอาสติกเกอร์โน๊ตติดจอคอมเลย เวลาพิมพ์งานเห็นคำนี้ทุกวัน
- เปิดยูทูบฟังพอดแคสต์ฝรั่งตอนรถติด ฟังครั้งแรกนี่แบบ…นั่นมันภาษาอะไรฟะ? แต่ฟังทุกวันเริ่มจับทางได้
- ฝึกแต่งประโยคในหัวตลอดเวลา เช่น เห็นแมววิ่งก็คิดเป็นภาษาอังกฤษว่า “The cat is running like crazy”
โดนด่าแล้วได้เกร็ด
มีอยู่วันนึงต้องพรีเซนต์งานกับนายฮ่องกง ใช้ศัพท์ผิดจาก “approximately” เป็น “appreciate” พอกลับมาเมาท์ให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกตรงๆว่า “มึงพูดแบบนี้นายเค้าเข้าใจว่ากำลังขอบคุณแทนที่จะบอกเลขคร่าวๆ”
หลังจากวันนั้นใช้สูตรแม่งเลย คือเวลาอยากใช้คำไหนไม่ชัวร์ให้เทียบภาษาไทยก่อน ถ้าไทยมีความหมายหลายอย่าง อังกฤษก็มักมีหลายคำแบบนั้น ทดลองสร้างประโยคหลายแบบแล้วเลือกอันที่มั่นใจสุด
ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าเชื่อ
ผ่านไป 3 เดือนเริ่มสังเกตว่าตัวเองเปลี่ยนไป:
- เวลาอ่านคู่มือฝรั่งไม่ต้องแอบกดปุ่มแปลแล้ว
- ประชุมทีมนอกแอบคอมเมนต์เพิ่มได้สองสามประโยค
- ล่าสุดนายให้ดูแลต่อรองราคากับซัพพลายเออร์ต่างชาติ พอพูดราคาเค้าแบบไม่กะพริบตา
ทุกวันนี้ยังใช้แอปฟรีๆอยู่ แต่เพิ่มเป็นดูหนังฝรั่งแบบซับไทย ปิดซับช่วงนึงดูว่าเข้าใจไหม สรุปง่ายๆคือฝรั่งเขาก็พูดศัพท์พื้นๆเหมือนเราพูดไทยนั่นแหละ แค่ต้องยัดสมองบ่อยๆให้ชิน
