วันก่อนนั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าทำไมอังกฤษเรามันยังกากแบบนี้ ทั้งๆ ที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก สรุปเลยไปดูคลิปในยูทูปบางอันบอกว่าให้กลับไปทวนพื้นฐานใหม่ พอกูหยิบหนังสือเก่าๆ มาดู หน้าแรกก็เวรละ เนื้อหามันกระจัดกระจายไปหมดอ่านแล้วมึนตึ้บ
ลงมือทำเลยดีกว่า
เริ่มจากงมหาหนังสือแกรมม่ามือสองในร้านขายของเก่า กะลังพอดีเจอเล่มหนึ่งปกสีเหลืองๆ หนาเท่าฝ่ามือ ราคาสิบบาทเอง เลยคว้าไปจ่ายตังค์ทันที กลับมาถึงบ้านปุ๊บก็เปิดดูกระดาษหน้าแรกที่เขียนว่า “Present Simple” ใหญ่ๆ ด้วยดินสอแดง นั่งจ้องตรงนั้นตั้งสิบนาทีเพราะมันดูง่ายเวอร์ เริ่มสงสัยในสมองว่าทำไมสมัยก่อนทำข้อสอบตกตลอด
- ขั้นแรก : เอาสมุดห้าขีดมาเลยจดโครงสร้าง S + V.1 เท่านั้นแหละ ไม่ยักกะรู้ว่า V.1 มันคือกริยาช่อง1 เจอตรงนี้สมองปิดตายทันที
- ขั้นต่อมา : เปิดดิกชันนารี่หา v.1 ให้หมดตัวที่เรารู้จัก like/eat/play แค่นี้ก็เหงื่อแตกแล้วเพราะบางทีก็สลับช่อง
- ขั้นทรมาน : พอจดเสร็จก็นั่งอ่านออกเสียงตาม “I eat rice.” “She plays football.” ละก็มานั่งเขียนยกตัวอย่างเป็นสิบๆ ประโยคให้ชินมือ ยอมรับเลยว่านั่งครึ่งชม.ข้อมือน่วมมาก
ความท้อมาเร็วเหมือนโดนฉีดยานอนหลับ
ผ่านไปอาทิตย์นึงรู้สึกว่าแค่ tense เดียวก็จะให้ตายอยู่แล้ว มันมีตั้ง12 tense ยังไม่นับเรื่องอื่นๆ อีกเพียบ ท้อจัดเลยโทรไปหาเพื่อนที่เคยไปทำงานต่างประเทศ เค้าบอกสั้นๆว่า “ถ้าไม่รู้พื้นฐานอะเหมือนสร้างตึกไม่มร地基” แล้วก็เล่าว่าเค้าเคยฝึกแค่นี้ทุกวันเลย :

- กินข้าวเช้าก็พูดในหัวว่า I am eating fried rice.
- เห็นเพื่อนโพสต์รูปก็คิดว่า He is traveling to Japan.
เราลองทำตามบ้าง ตื่นมาก็พยายามบึ้บในหัวว่า “Today is Monday. I wake up at 6 a.m.” ทำแบบนี้อยู่เกือบเดือนกว่าเริ่มชินลี้นิดหน่อยแต่ก็ยังงงกับ * อยู่ดี มันคืออะไรต้องเติมตอนไหนนี่มันปวดกบาลชัดๆ
จนถึงวันนี้ที่รู้ความจริง
หลังจากลองผิดลองถูกมานานถึงเข้าใจว่าพื้นฐานน่ะมันสำคัญเหมือนแป้นพิมพ์ถ้ากดผิดปุ่มหนึ่งตัวโปรแกรมก็รันไม่ได้ แต่มันก็มีเซอร์ไพรส์เหมือนกันเพราะพอย้อนไปดูคลิปฝรั่งบางอันที่เคยเปิดแต่ฟังไม่ออก ตอนนี้กูแอบได้ยินคำว่า “is” “are” ชัดเจนขึ้นมาซักหน่อย! แม้จะยังจับประโยคยาวๆ ไม่ได้ทั้งหมดแต่มันก็พอยิ้มได้เล็กๆ
สรุปสั้นๆ : ทวนพื้นฐานอังกฤษมันน่าเบื่อเหมือนถูกบังคับให้กินข้าวกล้องทุกวันแต่ถ้าทนได้ซักพักเดี๋ยวลิ้นก็จะเริ่มรับรส ถึงตอนนี้เราจะยังไม่คล่อง 100% แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าต้องเดินต่อยังไงไม่ให้ทางเดิมที่เคยหลง ใครอ่านจบแล้วลองไปเปิดสมุดเก่าดู บางทีสิ่งที่คิดว่ามันง่ายมากจนมองข้ามอาจเป็นกำแพงสูงสุดก็ได้