เมื่อวานนั่งคิดว่าทำไมติวภาษาอังกฤษทีไรเป็นต้องเหนื่อยทุกทีเลย คือบางทีเราก็รู้ศัพท์เยอะนะ แต่พอเจอฝรั่งตัวเป็นๆกลับพูดไม่ออก ตอบไม่ได้ พอมีคนมาถามว่าติวตัวต่อตัวช่วยได้มั้ย เลยคิดว่าลองทำดูสักตั้งดีกว่า
เริ่มจากลองติวฟรีให้ลูกพี่ลูกน้องก่อน
แรกๆนี่ยากโคตร อัดหนังสือแกรมมาร์ไปเต็มที่ แต่เด็กๆงงตาค้าง ไม่มีใครพูดได้สักประโยค ตอนนั้นอึ้งเลยว่าเรียนกันตั้งนานทำไมไม่进步สักที
เดี๋ยวก่อน! นึกขึ้นได้ว่าเราเองตอนเรียนภาษาเวียดนามก็เคยติดแบบนี้เหมือนกัน คือรู้ไวยากรณ์แต่ไม่กล้าพูด พอมานึกย้อนดู เหตุผลหลักคือขาด ความมั่นใจ มากกว่า ความรู้ เลยเปลี่ยนแผนใหม่:

- หยุดยัดแกรมมาร์ แต่ให้ลองเดาหน้าตาเราเมื่อกี้กินข้าวอะไร (เริ่มจากสิ่งที่เห็นตรงหน้า)
- ตั้งกฎใหม่ : ห้ามพุดภาษาไทยในชั่วโมง เอาเท่าที่มีน่ะแหละ
- พากันเลี่ยงร้านข้าวต้มเจ้าดัง แบบไม่ให้ใช้ Google Translate ซื้อข้าว
ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
วันแรกน้องชายทำท่าจะร้องไห้ ตอบแค่ “chicken…rice…spicy?” แค่นั้นก็เกลื่อน汗แล้ว ประมาณสองอาทิตย์ผ่านไป ตอนสั่งน้ำเปล่าดังมาก : “Excuse me! No ice please!” เสร็จแล้วยิ้มกว้างเหมือนเพิ่งชนะรางวัลโนเบล
ส่วนตัวเรานี่เห็นเลยว่าสิ่งสำคัญคือ สภาพแวดล้อมบีบให้พูด มากกว่าการยัดสูตร:
- ใช้การ์ดคำศัพท์ทิ้งลงกระติกน้ำ ใครหยิบได้ต้องแต่งประโยคทันที
- เปิดคลิป YouTube ไม่มีซับ แล้วให้ตีความว่าเค้าพูดเรื่องอะไร
- จำลองสถานการณ์เจอแฟนใหม่ (ให้นักเรียนสวมบทฝรั่ง เราเป็นคนไทยไปทำงานต่างประเทศ)
ตอนนี้ที่บ้านมีกระถางต้นไม้ติดโพย “I need sunlight!” กระจกหน้าร้านน้ำเขียนไว้ว่า “Try our amazing coffee!” คือแค่เห็นทุกวันก็จำได้เองแล้ว ไม่ต้องท่อง
สรุปสั้นๆว่าแก่นของเรื่องนี้คือการ หลอกสมองว่ามันสนุก น่ะแหละ พอเริ่มกล้าเปิดปากเมื่อไหร่ ความรู้ที่มีอยู่ก็จะทะลักออกมาเอง เหมือนตอนที่เราเล่นเกมในมือถือ คือตื่นเต้นแต่ไม่เครียดอะไรมาก!