ช่วงนี้คิดว่าภาษาอังกฤษสำคัญมากเลยนะ อยู่ๆก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าจะลองหาที่เรียนใกล้บ้านดูสักหน่อย เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องนั่งรถไกลให้เสียเวลา
ขั้นแรกเริ่มจากเปิดกูเกิ้ลขึ้นมาก่อน
ลองเสิร์ชคำว่า “โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษใกล้ฉัน” ปรากฎว่าขึ้นมาเพียบเลยอ่ะ แต่ดูๆไปบางที่ก็ไกลเกิน บางที่ราคาแพงชิบหาย พอดีไปเจอเว็บนึงเขามีฟีเจอร์หารัศมีเรียนใกล้บ้าน ลองใสะไรเลขบ้านตัวเองแล้วก็…อ้าวเหี้ย! มันเด้งคอร์สเรียนมาแค่สองที่เองเนี่ยะ
- สถาบันแรก : เดินไปแค่สิบนาที แต่อะเมริกันคอร์นเนอร์แบบจัดเต็ม ราคาเป็นหลักหมื่น
- สถาบันสอง : ขึ้นรถไฟฟ้าแค่สามป้าย สอนอังกฤษธุรกิจรัวๆ ราคาหลักเก้าพัน
คิดไปคิดมา เลือกรอบสองเลย เพราะว่าเบื่อตารางเรียนแบบเดิมๆแล้วอยากเจอคนทำงานเหมือนกันบ้าง

วันแรกไปสมัครก็งงเป็นไก่ตาแตก
พี่แอดมินพูดอังกฤษกับเราตั้งแต่อยู่หน้าร้าน! บอกตรงๆว่าหัวน็อคแตกครึ่งหนึ่งแล้วว่าเขาถามอะไรอยู่ เหลือบไปเห็นสมุดเซ็นชื่อชื่อฝรั่งเต็มเล่ม ไม่มีคนไทยเซ็นชื่ออยู่เลยนิ นั่งเล่นซะเซ็ง
พอทำแบบทดสอบเสร็จ ครูฝรั่งเดินมาพร้อมกระดาษเต็มไปด้วยกากบาทสีแดง : “คุณพื้นฐานแกรมมาร์แย่มาก แต่พูดได้ลื่น เราเริ่มจากเลเวล B1ละกัน” เราถามครูว่าถ้าแบบนี้จะทันมั้ย เขาก็แค่ยิ้มแล้วยื่นตารางเรียนมา : “ทันแน่ ถ้าซ้อมทุกวัน”
เริ่มเรียนอาทิตย์แรกทุลักทุเล
- ห้องเรียนสัปดาห์แรก : ต้องนั่งฟังครูฝรั่งพูดน้ำไหลไฟดับ แถมเพื่อนร่วมห้องเป็นคนเวียดนาม-ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส โคตรอินเตอร์แต่งงไปหมด
- การบ้านสัปดาห์แรก : ครูสั่งให้ไปถ่ายวีดีโอพูดกับคนแปลกหน้าที่เซเว่น! เพื่อนร่วมคลาสดันมานัดกันไปช่วยถ่ายที่ล็อบบี้คอนโด
วันที่สองอายจนจะหนีกลับบ้าน แต่ครูมาบอกว่า “ผิดพลาดได้ ไม่เป็นไร” แล้วสอนให้พูดคำว่า “Actually, I’m learning English. Could you speak slowly?” จำจนขึ้นใจ
จุดเปลี่ยนมากับแอปแปลภาษาเม้ม
ระหว่างสัปดาห์สองเกิดปิ๊งไอเดีย แค่เดินกลับบ้านก็เปิด Google Translate ฟังชองเขา ชี้ป้ายร้านข้าวหน้าเนื้อแล้วฟังเสียงอ่าน แค่วันละยี่สิบนาทีเองนะ
อาทิตย์ที่สามพอถึงคาบสนทนา ได้ยินตัวเองพูดคล่องขึ้นชัดๆ อารมณ์เหมือนน้ำลัดคออะไรอย่างนี้ ไม่ต้องหยุดคิดนาน ครูก็พยักหน้าหน้าแตก ยื่นกระดาษใหม่ให้เรา : “เลเวล B2 เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเริ่มคอร์สติวรีพอร์ตได้แล้วน้า”
ผลลัพธ์สุดเฮฮาหลังสองเดือน
วันก่อนบังเอิญเจอฝรั่งหลงทางหน้า Big C ถามมาว่า “Where is toilet?” ตอบกลับไปโดยอัตโนมัติว่า “Go straight, turn right. It’s near McDonald’s”
มันคืออะไรโคตรชิลล์! แบบไม่นึกไม่ฝันว่าจะตอบได้แบบฉับพลันขนาดนี้ พอไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังตอนกินข้าวเที่ยง เขาดันพากันหัวเราะก๊าก : “นั่นมันอนุบาลก็ตอบได้” แต่มันคือสเต็ปแรกของเรานะเฟ้ย! ตอนนี้แค่สั่งกาแฟที่สตาร์บัคก็เริ่มกล้าลองสลับ Tense ละ
สรุปป่ะว่าใกล้บ้านมันเวิร์คสุด : ไม่ต้องกลัวตื่นสาย ไม่ต้องกลัวรถติด หยุดเรียนตอนฝนตกก็เดินกลับบ้านได้สบายๆ แค่สองเดือนรู้สึกเหมือนสมองมีช่องเก็บภาษาเพิ่มมาอีกซ๊อกเนี่ยะ