วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าเบื้องหลังการเรียนภาษาอังกฤษแบบบ้านๆ ของผมเป็นยังไงนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบพูดไม่ได้เลย อ่านก็งูๆ ปลาๆ
เริ่มต้นจากศูนย์
สัปดาห์แรกเนี่ยทรมานสุดๆ กดโหลดแอพเรียนภาษามาแล้วก็ยอมจ่ายเงินซื้อคอร์สขั้นพื้นฐาน แอปหนึ่งบอกสอนเร็วเข้าใจง่าย แต่พอเข้าไปจริงๆ เจอแต่ศัพท์แปลกๆ ทั้ง “strawberry”, “airport” ผมถึงกับอึ้งเลยว่ามันเกี่ยวกับพื้นฐานตรงไหน? คนเป็นมือใหม่รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด หน้าจอเต็มไปด้วยไอคอนสีฉูดฉาด ตาลายไปหมด
เจอทางรอด
เพื่อนที่เคยไปลุยเดี่ยวต่างประเทศมาแนะนำวิธีเจ๋งๆ บอกให้ ทิ้งตำราหนักๆ ไปก่อน แล้วยึดแค่ 3 อย่าง:

- ใช้แอพฟรีอย่าง Duolingo เล่นวันละ 15 นาที
- หาคลิปคนไทยสอนบน YouTube โดยเฉพาะที่เน้น “ใช้ได้จริง”
- เขียนศัพท์ในชีวิตประจำวันติดผนังห้องน้ำ อย่าง toothbrush, soap, towel
ปรากฎว่าแค่นี้เปลี่ยนเกมเลย! ผมเขียนโน้ตศัพท์แปะรอบคอมฯ แม้แต่ตรงตู้เย็น เปิดประตูทีไรเจอคำว่า “milk”, “egg” ทุกที
ข้ามด่านเด้ง
แอพฟรีนี่ช่วยชีวิต! เวลาผิดก็มีตัวการ์ตูนวิ้งๆ แถมให้ตอบใหม่ ไม่ต้องเขินด้วย ไม่เหมือนคอร์สแพงๆ ที่อาจารย์จ้องหน้าอย่างเดียว ในรถก็ฟังเพลงฝรั่งง่ายๆ แบบเพลงโปรด เน้นฟังวนไปจนจำได้โดยไม่ต้องท่อง สุดท้ายก็เริ่มร้องตามได้แบบไม่รู้ตัว แถมเพื่อนร่วมงานทักว่าทำไมผมฮัมเพลง “Happy Birthday” อยู่คนเดียวในลิฟต์ น้ำหนักลดไปอีกสองโล!
ตอนนี้เป็นยังไง
เลยสองอาทิตยฺมา ความกล้ากลับคืนมาแล้ว แม้จะยังพูดตะกุกตะกัก แต่พอสั่งกาแฟร้านดังย่านสีลมได้ แถมเวลาเจอฝรั่งหลงทางไม่ต้องวิ่งหลบแล้ว! ที่สำคัญคือวันก่อนนัดลูกค้า จิ้ม GPS ผิดพลาด เหมารถแท็กซี่ได้ แต่สุดท้ายก็ตะโกนบอกไดรเวอร์ว่า “Turn left! Stop here!” เรียบร้อย แม่งเซิร์ฟสุดๆ! ความมั่นใจพุ่งปรี๊ดแบบไม่ได้ตั้งใจ แค่รู้ศัพท์พื้นฐานนิดเดียวช่วยได้ขนาดนี้
สรุปสไตล์คนขี้เกียจอย่างเรา: เรียนภาษาไม่ต้องพึ่งคอร์สแพงแอพเหี้ยม เอาความถี่แทนความยาก เอาเรื่องใกล้ตัวแทนหลักการเน้นๆ ใช้ชีวิตยังไงก็เรียนไปแบบนั้น จะได้ไม่ท้อซะก่อน!