ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าการสอนภาษาเนี่ย กูเจอปัญหาเดิมๆตลอด คือพอสอนแกรมม่ากันทีไร เด็กมันหลับตายทุกที ก็เลยลองคิดวิธีใหม่ดู
ก็เริ่มจากขีดเส้นตายก่อน
วันแรกนัดเด็กฝึกซ้อมมาสี่คน อัดคลิปสั้นๆให้ดูคนละเรื่อง เช็ดถูบ้านยังไงให้เร็วขึ้นกับสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านข้างทาง ก็ยัดมือไมค์ให้มัน แล้วก็บอก “สองวันเดี๋ยวมาตัดคลิปดูกัน” แหมะ เด็กมันตาโหลเลย สงสัยไม่เคยเจอครูให้การบ้านแบบนี้มาก่อน
ขั้นตอนแรกล่อซีน

- ให้มันเขียนสคริปท์ง่ายๆเองก่อนสามประโยค แบบ “ขอเส้นเล็กแห้งครับ”,”น้ำซุปแยกนะครับ”
- แล้วก็ให้มันแหกปากพูดตามสคริปท์ตัวเองไปเลยแบบไม่ต้องสนแกรมม่า นึกไม่ออกก็สั่งเป็นภาษาไทยก่อนค่อยแปลทีหลัง
- ใครติดขัดก็เอาภาพสถานการณ์ยัดให้ดู รูปก๋วยเตี๋ยวน่ะสิ เอาภาพหม้อซุปใบโตกับชามเส้นมาให้มันจิ้มๆดู
เจอของจริงถึงรู้เลย
พอวันตัดคลิปมา เจอของจริงอะ มันพากันห๊ะใหญ่เลย เวลาคนขายถามว่า “ใส่ถั่วงอกไหมคะ” เด็กมันยืนงงเป็นไก่ตาแตกหมดก็เลยสอนแบบฉุกเฉิน
แก้อาการมึนตึ้บ
- ถ้าเรามึนเว้ย อย่างแรกให้ทวนคำถามคนขายเลยแบบ “ถั่วงอกหรอครับ?” เสร็จแล้วคนขายมักจะตอบเองว่าใช่หรือไม่ค่อยใส่
- ใช้ได้ทั้งงาน “แพ็คกลับบ้านไหม” “ใส่น้ำตาลไหม” มันดักทางได้หมดตั้งแต่เข้าร้านจนกระทั่งนั่งลง
- ไม่ต้องไปเกร็งว่าใช้ Is หรือ Are ทำไม เอาแค่เสียงตอบไปให้เป๊ะก่อน
ตอนนี้ก็ได้เรื่องขึ้นมานิดหน่อย
ผ่านไปอาทิตย์นึง ลองให้มันเดินไปพูดจริงๆในเซเว่นเวลาเติมเงินค่าบ้าน เด็กได้คาถาม “เพิ่มเงินได้ไหมครับ” ไปแค่ประโยคเดียวแต่สามารถยืดเป็นประโยคได้หลายเวอร์ชั่น พังบ้างถูกบ้าง แต่ที่สำคัญคืองานเดินทางสำเร็จนะเฮ๊ย
แกมรม่า? กูก็ยังฟังแยกไม่ออกเหมือนกัน แต่เท่าที่เห็น เอาแค่ฝึกให้มันเงี่ยหูฟังคำซ้ำกับทวนเป็นชุดๆไปเหอะ มันเวิร์คกว่าตำราเป็นเล่มๆอีกนะเนี่ย