ก็คือเรื่องมันเริ่มจากที่เราโดนบริษัทเลิกจ้างนั่นแหละครับ นั่งกุมขมับอยู่บ้านสองอาทิตย์แบบมึนๆ คิดว่าชีวิตจะไปทางไหนต่อ
จุดเปลี่ยนวันหนึ่งที่น้องชายแชร์คลิปมา
มันเป็นคลิปที่อาจารย์ต่างชาติเขาสอนศัพท์ด้วยท่าทาง เลยเกิดสงสัยว่า “เฮ้ย แค่ดูฟรีในเน็ตก็เก่งได้จริงเหรอวะ” สุดท้ายเราก็ตี๊ดตั้งเป้าเลยว่าจะเรียนอังกฤษด้วยตัวเองให้ได้ในหนึ่งปี!
เริ่มแรกนี่มั่วมากครับ:

- ลองเข้าเว็บสอนแกรมมาร์ชื่อดัง : แรกๆก็เร้าใจ พอเรียนไปสามวันเริ่มงงเหมือนเดิม
- ไปดูยูทูปเจอบล็อกเกอร์ : บางทีเค้าพูดเร็วจนตามไม่ทัน ต้องหยุดวิดีโอถี่ๆทั้งที่ตั้งใจเรียน
- โหลดแอปฝึกภาษา : แรกนี่สนุก แต่พอเจอแบบฝึกหัดซ้ำๆก็เซ็ง ไม่มีแรงฮึด
ช่วงท้อจนเกือบยอมแพ้แล้วไปสมัครคอร์สแพงๆ
จนมาเจอแฟนเพจครูท่านหนึ่งที่บอกว่า “ฝึกฟังให้เป็นนิสัยก่อน” เค้าบอกไม่ต้องเคร่งแกรมมาร์ให้เครียดในเดือนแรก จับหลักได้ตอนนั่งดูการ์ตูนภาษาต้นแบบโดยเปิดซับไทยคู่ไป ฟัง+อ่านไปพร้อมกัน ตอนแรกก็ทำหน้างงๆนะครับ แต่อาทิตย์ถัดมาเริ่มสังเกตว่าสามารถเดาเสียงศัพท์บางคำได้โดยไม่เห็นตัวสะกด!
พัฒนาการมาโครมๆตอนโดนเพื่อนลากไปเจอชาวต่างชาติในงานหอศิลป์ ต้องนั่งยิ้มแห้งๆตอนคนถามทางจนวันนึงนึกศัพท์ “opposite” ขึ้นได้เอง ทั้งๆที่ไม่ได้ท่อง นั่นล่ะครับที่ร้องอ๋อว่าการเอาตัวไปอยู่ในสภาพแวดล้อมมันเวิร์ก!
เทคนิคลับที่ใช้กับตัวเองทุกวันนี้
- เวลารดน้ำต้นไม้ : เปิดพอดแคสต์ฝรั่งเปิดไว้หลังบ้าน แค่ให้หูคุ้นเคยกับน้ำเสียง
- ตอนล้างจาน : เล่นเกมเอาสิ่งรอบตัวมาพูดเป็นภาษาอังกฤษในหัว (แม้แต่จานใบละห้าบาท!)
- ตอนนอน : หายใจลึกๆพร้อมนึกประโยคที่เจอในวันนั้นซ้ำๆ
สรุปคือหกเดือนผ่านไปไม่ได้เป็นอัจฉริยะแต่อาทิตย์ที่แล้วไปสัมภาษณ์งานร้านทัวร์ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนกลัวฝรั่งจนหน้ามืด! ปล.แอบเจ็บใจที่รู้ว่าคอร์สสามหมื่นที่เคยคิดจะสมัคร แถมส่วนผสมการเรียนมันคล้ายกับวิธีที่เราค้นพบเองแทบเป๊ะ