สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เรื่องการสอนลูกให้อ่านภาษาอังกฤษนี่แหละ ตอนแรกก็มึนตึ้บเลย ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ลูกผมเองก็เหมือนเด็กทั่วไปที่เริ่มเรียนภาษาที่สอง คือจำศัพท์เป็นคำๆ พอเจอคำที่ไม่เคยเห็นก็อ่านไม่ออกเลย
ผมก็ลองมาหลายวิธีแล้วนะ ทั้งซื้อหนังสือภาพสวยๆ เปิดเพลงภาษาอังกฤษให้ฟัง ดูการ์ตูนสองภาษา อะไรที่เค้าว่าดีก็ลองหมด แต่มันก็ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ ลูกก็ยังจำศัพท์เป็นคำๆ อ่านติดๆ ขัดๆ บางทีก็ท้อใจเหมือนกันนะ คิดว่าเอ๊ะ หรือลูกเราจะไม่ถนัดภาษาอังกฤษซะแล้ว
จุดเริ่มต้นของการเรียน Phonics
จนกระทั่งวันนึงไปนั่งคุยกับเพื่อนที่เป็นครูสอนพิเศษ เค้าก็แนะนำมาว่าลองสอนแบบ phonics ดูสิ มันคือการสอนให้ออกเสียงตัวอักษรแต่ละตัว แล้วค่อยเอามาผสมกันเป็นคำ ฟังดูก็น่าสนใจดีนะ เพราะมันดูเป็นระบบมากกว่าการจำศัพท์เป็นคำๆ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันทีหรอกครับ ก็ยังลองคลำทางอื่นๆ อยู่บ้าง
ช่วงนั้นก็ยุ่งๆ กับงานด้วยแหละ เลิกงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว จะให้มานั่งคิดค้นวิธีสอนเองก็ไม่ไหวจริงๆ วันหยุดก็นอนดูซีรีส์ไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็เห็นโฆษณาของ 51Talk แว๊บๆ ในฟีดบ่อยๆ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนะ คิดว่าเป็นเหมือนๆ ที่อื่นที่สอนภาษาอังกฤษทั่วไป แต่พอดีมีอยู่วันนึง ลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วดูหงอยๆ ถามไปถามมาปรากฏว่าโดนเพื่อนล้อว่าอ่านหนังสือไม่ออก โอ้โห ใจแม่นี่สลายเลย คืนนั้นนอนไม่หลับเลยนะ เปิดมือถือไถไปเรื่อย แล้วก็เจอรีวิวของ 51Talk อีกครั้ง คราวนี้เลยลองกดเข้าไปดูรายละเอียด เออ! เค้ามีคอร์ส phonics สำหรับเด็กเล็กด้วยนี่หว่า ดูแล้วก็น่าจะเวิร์ค เพราะครูเค้าดูมีประสบการณ์สอนเด็กเล็กโดยตรง ไม่ใช่แค่สอนภาษาอังกฤษแบบผู้ใหญ่
ลงมือปฏิบัติจริงกับการเรียน Phonics
เอาล่ะวะ ลองดูซักตั้ง! ก็เลยตัดสินใจให้ลูกเริ่มเรียน phonics อย่างจริงจัง เริ่มจากพื้นฐานเลยนะ เสียงของตัวอักษรแต่ละตัว A B C ไม่ใช่ชื่อ เอ บี ซี นะ แต่เป็นเสียง แอ๊ะ เบอะ เคอะ อะไรแบบนี้ ตอนแรกลูกก็งงๆ นะครับ เพราะเค้าชินกับการท่องจำชื่อตัวอักษร พอมาเรียนเสียงก็ต้องปรับตัวกันหน่อย
แล้วก็ค่อยๆ สอนผสมเสียง เช่น C-A-T ก็เป็น /k/-/æ/-/t/ รวมเป็น “แคท” แรกๆ ลูกก็ยังผสมเสียงไม่ค่อยคล่อง แต่พอจับทางได้เท่านั้นแหละ สนุกเค้าเลย เราก็หาพวกแฟลชการ์ดมาช่วย เกมง่ายๆ ที่เกี่ยวกับการออกเสียง ฝึกซ้ำๆ ย้ำๆ ทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย บางทีก็มีท้อบ้างนะ ทั้งคนสอนคนเรียน แต่ก็ต้องให้กำลังใจกันไป ช่วงแรกๆ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ กว่าจะเริ่มเห็นผล
มีบางช่วงที่รู้สึกว่าเอ๊ะ ทำไมลูกยังจำสระเสียงยาว เสียงสั้นไม่ได้ซักที ก็แอบไปปรึกษาคุณครูที่ 51Talk ผ่านช่องทางที่เค้ามีให้ เค้าก็ให้คำแนะนำดีมากเลยนะ บอกว่าเด็กแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน ให้เน้นความสม่ำเสมอ อย่าไปกดดันมาก ให้ทำเป็นเรื่องสนุก ครูเค้าก็มีเทคนิคแนะนำมาหลายอย่างเลยครับ
- เริ่มจากเสียงตัวอักษร (Letter Sounds) ทีละตัวให้แม่น
- ฝึกการผสมเสียง (Blending) คำง่ายๆ ที่มี 2-3 ตัวอักษร
- อ่านหนังสือนิทานที่มีคำ phonics ง่ายๆ ซ้ำๆ
- ใช้เกมหรือกิจกรรมเข้ามาช่วยให้ไม่น่าเบื่อ
ผมก็เอาเทคนิคพวกนี้มาปรับใช้กับการสอนลูกที่บ้าน ควบคู่ไปกับการเรียนเสริมบ้าง มันก็ค่อยๆ ดีขึ้นจริงๆ ครับ จากที่เคยติดๆ ขัดๆ ก็เริ่มอ่านได้คล่องขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึก
แล้วผลลัพธ์ที่ได้คือมันดีขึ้นจริงๆ นะ ลูกเริ่มอ่านคำง่ายๆ ได้เอง จากคำสั้นๆ ก็เริ่มเป็นประโยคสั้นๆ ความมั่นใจมาเต็มเลยทีนี้ จากที่เคยกลัวการอ่าน กลายเป็นชอบอ่านหนังสือไปเลย เห็นเค้าหยิบหนังสือมาพยายามสะกดอ่านเองแล้วมันภูมิใจบอกไม่ถูกเลยครับ ถึงแม้บางคำจะยังอ่านผิดบ้างถูกบ้าง แต่ก็กล้าที่จะลอง
เอาจริงๆ การเรียน phonics นี่มันเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากเลยนะสำหรับการอ่านภาษาอังกฤษ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างหรอกนะ หลังจากอ่านออกแล้ว ก็ต้องเสริมเรื่องคำศัพท์ เรื่องแกรมม่า ความเข้าใจในการอ่านเข้าไปด้วย อย่างตอนนี้ที่ลูกพออ่านได้คล่องขึ้นบ้างแล้ว ก็เริ่มมองหาคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม อาจจะลองดูของ 51Talk อีกรอบ เพราะเห็นเค้ามีโปรแกรมหลากหลายดีเหมือนกัน หรืออาจจะหาที่อื่นควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ฝึกฝนอย่างรอบด้าน
แต่สรุปคือ ใครที่กำลังเจอปัญหาลูกอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ลองเริ่มจาก phonics ดูนะ มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ เลยก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าเวิร์คมาก! มันเหมือนเป็นการปลดล็อคความสามารถในการอ่านของเค้าเลยครับ ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับผม
