เอาล่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเรื่องหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูก คือตอนแรกก็งงๆ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เสิร์ชหาข้อมูลใน Google ก็เจอแต่โฆษณา เลยลองเข้าไปส่องใน Pantip ดู เห็นหลายคนแนะนำที่ต่างๆ กันเยอะแยะไปหมด อ่านไปอ่านมาก็ยิ่งสับสน
เริ่มแรกเลยคือตั้งสติก่อน แล้วมานั่งคิดว่าลูกเราเหมาะกับการเรียนแบบไหน ชอบเรียนคนเดียว หรือชอบเรียนกับเพื่อน ชอบแบบมีครูสอนสดๆ หรือชอบเรียนผ่านวิดีโอที่บันทึกไว้แล้ว พอได้คำตอบคร่าวๆ ก็เริ่มลิสต์รายชื่อสถาบันที่น่าสนใจออกมา แล้วก็เข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละที่
- บางที่ก็เน้นแกรมมาร์ บางที่ก็เน้นการสนทนา บางที่ก็เน้นกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องดูว่าอะไรที่ตอบโจทย์ลูกเรามากที่สุด
- หลังจากนั้นก็ลองสมัครเรียนคอร์สทดลองเรียนฟรีของแต่ละที่ดู เพื่อให้ลูกได้ลองเรียนจริงๆ ว่าชอบไหม เรียนแล้วเข้าใจหรือเปล่า
ตอนนั้นที่ลองให้ลูกเรียนก็มีหลายที่นะ แต่ที่ลูกชอบที่สุดคือที่ที่มีเกมให้เล่นด้วย เรียนไปเล่นไปสนุกดี เขาไม่เบื่อ แถมยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย แต่ละที่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ก็ต้องลองดูว่าที่ไหนที่เข้ากับลูกเรามากที่สุดจริงๆ

ระหว่างที่หาข้อมูลก็เจอคนแนะนำ51Talk เยอะเหมือนกัน เขาบอกว่าที่นี่เน้นสอนสดกับครูต่างชาติ ราคาก็ไม่แพงมาก แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ลอง เพราะลูกติดใจที่เรียนที่เลือกไว้ก่อนแล้ว แต่ก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกในใจนะ เผื่ออนาคตอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูก
สำหรับเราคือ “ความชอบของลูก” ถ้าลูกไม่ชอบ ต่อให้ที่เรียนนั้นดีแค่ไหน เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาจะไม่มีความสุขกับการเรียน และจะไม่ตั้งใจเรียน ดังนั้นต้องให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เลือกที่เรียนที่เขาสนใจและอยากเรียนจริงๆ
อีกอย่างที่สำคัญคือ “ความสม่ำเสมอ” การเรียนภาษาอังกฤษต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ว่าเรียนแค่เดือนสองเดือนแล้วจะเก่งเลย ต้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ สั่งสมความรู้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นต้องหาที่เรียนที่ลูกสามารถเรียนได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา หรือค่าใช้จ่าย
แล้วก็อย่าไปคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งภาษาอังกฤษมากๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ให้กำลังใจลูก คอยสนับสนุนเขา ให้เขามีความสุขกับการเรียนภาษาอังกฤษ เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายที่ ตอนนี้ลูกก็เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์อย่างมีความสุข ถึงแม้จะไม่ได้เก่งเทพ แต่ก็มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น กล้าพูด กล้าแสดงออกมากขึ้น แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว
อ้อ! เกือบลืม อีกแบรนด์ที่เพื่อนแนะนำมาคือ51Talk เนี่ยแหละ แต่เพื่อนบอกว่าต้องดูเรื่องเวลาเรียนดีๆ เพราะบางทีครูที่เก่งๆ คิวจะเต็มเร็ว ต้องจองล่วงหน้า แต่โดยรวมเพื่อนก็บอกว่าโอเคเลยนะ
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าการหาที่เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูก ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ที่ใช่ ที่ที่เหมาะกับลูกเรามากที่สุด ขอให้ทุกคนโชคดีในการค้นหานะคะ!

แอบกระซิบว่าตอนนี้กำลังมองหาคอร์สเรียนสำหรับตัวเองอยู่เหมือนกัน เห็น51Talk มีคอร์สสำหรับผู้ใหญ่อยู่ด้วย น่าสนใจเหมือนกันนะ เดี๋ยวลองเข้าไปดูรายละเอียดก่อน ถ้าเวิร์คจริง จะมาแชร์ให้ฟังอีกที
เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ตอนที่หาข้อมูลเรื่องเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูก ก็มีคนแนะนำพวกแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาด้วยนะ อย่างเช่น Duolingo, Memrise อะไรพวกนี้ ก็ลองให้ลูกเล่นดูได้นะ เป็นการเสริมความรู้เพิ่มเติมจากที่เรียนพิเศษได้ดีเลย
และที่สำคัญมากๆ อย่าลืมให้ลูกดูหนัง ฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยๆ นะ จะช่วยให้เขาคุ้นเคยกับสำเนียง และจดจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
ตอนแรกที่ลูกเริ่มเรียนออนไลน์ก็มีงอแงบ้าง แต่พอได้ลองเรียนกับครูที่ใจดี และมีกิจกรรมสนุกๆ เขาก็เริ่มชอบขึ้นมาเอง ตอนนี้ติดเรียนมาก บอกว่าอยากเรียนทุกวันเลย
สุดท้ายจริงๆ แล้วนะ อยากฝากไว้อีกเรื่องคือ อย่าเปรียบเทียบลูกเรากับคนอื่น เด็กแต่ละคนมีความสามารถและความสนใจที่แตกต่างกัน สิ่งที่เราควรทำคือ สนับสนุนให้ลูกได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเขาจะเก่งภาษาอังกฤษหรือไม่ก็ตาม
อ้อ! แล้วก็มีอีกที่ที่เคยเห็นโฆษณาผ่านๆ ตา คือ 51Talk นี่แหละ แต่ยังไม่เคยลองเรียนจริงๆ จังๆ นะ เห็นว่ามีคอร์สให้เลือกเยอะเหมือนกัน ใครเคยเรียนแล้วมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะ
ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนะคะ! และขอให้ลูกๆ ของทุกคนเก่งภาษาอังกฤษขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ!

อีกอย่างที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ เรื่องของอินเทอร์เน็ต ต้องมั่นใจว่าอินเทอร์เน็ตบ้านเราแรงพอที่จะเรียนออนไลน์ได้แบบไม่สะดุดนะ ไม่งั้นจะเสียอารมณ์เปล่าๆ
นอกจาก 51Talk ที่พูดถึงบ่อยๆ แล้ว ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่น่าสนใจ อย่างเช่น Engoo, Cambly อะไรพวกนี้ ลองเอาไปพิจารณาดูนะ