สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเลยครับ กับหัวข้อสุดฮิตในพันทิปอย่าง “ให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี pantip 2567” เนี่ย ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยปวดหัวกับเรื่องนี้มาก่อน ตอนนั้นลูกเริ่มโต ก็อยากให้เขาได้ภาษาอังกฤษติดตัวไว้บ้าง เลยเริ่มกระบวนการค้นหาข้อมูลอย่างจริงจังครับ
จุดเริ่มต้นการค้นหา และความสับสนอลหม่าน
จำได้เลยว่าพอเริ่มหาข้อมูลเท่านั้นแหละ โอ้โห! ตัวเลือกมันเยอะมากจริงๆ ครับ ทั้งสถาบันสอนภาษาแถวบ้าน โรงเรียนกวดวิชา คอร์สออนไลน์ต่างๆ นานา อ่านรีวิวในพันทิปก็มีทั้งคนเชียร์ที่นั่นที่นี่ จนตาลายไปหมด ตอนนั้นยอมรับเลยว่าสับสนมาก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยจริงๆ ครับ
ลงมือสำรวจและกำหนดทิศทาง
หลังจากมึนไปพักใหญ่ ผมก็ตั้งสติใหม่ แล้วเริ่มจากการลิสต์ความต้องการของตัวเองและลูกออกมาก่อนเลยครับ ว่าอยากให้ลูกได้อะไรจากการเรียนภาษาอังกฤษ เน้นพูดคุย เน้นแกรมม่า หรืออยากให้สนุกกับการเรียนเป็นหลัก แล้วก็ดูเรื่องงบประมาณที่เราพอจะจ่ายไหว รวมถึงความสะดวกในการเดินทางด้วย (ถ้าเป็นสถาบันที่ต้องไปเรียน)

ผมเริ่มจากการขับรถตระเวนดูสถาบันสอนภาษาใกล้ๆ บ้านก่อนเลยครับ เข้าไปสอบถามข้อมูล ดูบรรยากาศ บางที่ก็ดูน่าสนใจ แต่บางที่ก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ จากนั้นก็เริ่มหันมามองตัวเลือกออนไลน์มากขึ้น เพราะเห็นว่ามันสะดวกดี ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลูกเรียนจากที่บ้านได้เลย
เจาะลึกโลกออนไลน์ และการคัดกรอง
พอเริ่มดูคอร์สเรียนออนไลน์เท่านั้นแหละครับ โลกใหม่อีกใบเลย! มีแพลตฟอร์มเยอะมากจริงๆ ทั้งของไทยของต่างประเทศ ผมใช้เวลาเยอะมากในการอ่านรีวิว ดูรายละเอียดคอร์ส เปรียบเทียบราคา และรูปแบบการสอน ตอนนั้นผมก็เห็นหลายคนพูดถึงที่เรียนออนไลน์ต่างๆ รวมถึงมีคนแนะนำ 51Talk ด้วยเหมือนกัน ก็เลยลองเข้าไปดูข้อมูลของเขาด้วยครับ
สิ่งที่ผมให้ความสำคัญตอนนั้นคือ:
- ครูผู้สอน: เป็นครูเจ้าของภาษาไหม มีประสบการณ์สอนเด็กหรือเปล่า
- เนื้อหาหลักสูตร: น่าสนใจไหม เหมาะกับวัยของลูกหรือเปล่า
- รูปแบบการสอน: เป็นแบบกลุ่มหรือตัวต่อตัว เน้นการโต้ตอบไหม
- ความยืดหยุ่น: เลือกเวลาเรียนได้สะดวกหรือเปล่า
ผมลองเข้าไปดูเว็บไซต์ของหลายๆ ที่เลยครับ บางที่ก็มีให้ทดลองเรียนฟรี ซึ่งผมว่าดีมาก ทำให้เราเห็นภาพรวมการสอน และดูว่าลูกเราชอบไหม อย่างบางแพลตฟอร์มที่เน้นเรียนกับครูต่างชาติ อย่างเช่นที่เคยเห็นคนพูดถึง 51Talk ผมก็ลองไปดูว่าเขามีครูจากประเทศไหนบ้าง สไตล์การสอนเป็นยังไง
ขั้นตอนการตัดสินใจ และบทเรียนที่ได้รับ
หลังจากรวบรวมข้อมูลมาพอสมควร ผมก็เริ่มคัดตัวเลือกที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับลูกเราที่สุดออกมาสัก 2-3 แห่งครับ ตอนนั้นก็ยังตัดสินใจยากอยู่เหมือนกัน เพราะแต่ละที่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ผมพยายามดูว่าที่ไหนตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้ตอนแรกได้มากที่สุด และที่สำคัญคือลูกเราน่าจะเรียนแล้วมีความสุข ไม่รู้สึกเบื่อ
ผมได้ลองให้ลูกทดลองเรียนกับบางแพลตฟอร์มดูด้วยครับ เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาว่าชอบไหม เข้ากับครูได้หรือเปล่า ซึ่งตรงนี้สำคัญมากเลยครับ เพราะถ้าลูกไม่ชอบ ต่อให้คอร์สดีแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์ ช่วงที่มองหาข้อมูล ผมก็ผ่านตาพวกแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk อีกครั้ง เพราะเห็นว่าเขามีคลาสตัวต่อตัวเยอะ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผมเก็บไว้พิจารณา เพราะคิดว่าการเรียนแบบตัวต่อตัวน่าจะทำให้ลูกได้ฝึกพูดเต็มที่
สุดท้ายแล้ว ผมก็เลือกสถาบันที่คิดว่าลงตัวกับครอบครัวเรามากที่สุดครับ ทั้งในเรื่องของหลักสูตร ครูผู้สอน ราคา และความสะดวกสบายของลูกเป็นหลักเลย

ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ
จากประสบการณ์ของผมนะครับ อยากจะบอกว่าไม่มีที่เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคนหรอกครับ สิ่งสำคัญคือเราต้องหาที่ที่ “เหมาะสมที่สุด” กับลูกของเราและครอบครัวของเรา
คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากผมก็คือ:
- ทำความเข้าใจความต้องการของลูกและครอบครัว: อยากให้ลูกเน้นอะไร สนุกสนาน หรือวิชาการ งบประมาณเท่าไหร่
- ค้นคว้าข้อมูลให้รอบด้าน: อ่านรีวิว สอบถามจากคนรู้จัก ลองดูหลายๆ ตัวเลือก อย่าเพิ่งปักใจเชื่อใครง่ายๆ แม้แต่แพลตฟอร์มที่มีคนพูดถึงเยอะๆ อย่าง 51Talk หรือที่อื่นๆ ก็ควรเข้าไปดูรายละเอียดด้วยตัวเองครับว่าตรงกับที่เรามองหาหรือเปล่า
- ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ: ถ้าเป็นไปได้ ลองให้ลูกได้ทดลองเรียน หรือดูตัวอย่างการสอน เพื่อดูว่าเขาชอบไหม
- อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก: บางทีเราอาจจะต้องลองสักพักถึงจะรู้ว่าที่ไหนเวิร์คหรือไม่เวิร์คกับลูกเราจริงๆ ครับ การเรียนภาษาอังกฤษมีหลายรูปแบบมาก บางคนอาจจะถูกจริตกับการเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ ซึ่งบางทีก็อาจจะมองหาจากแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านนี้โดยตรง เช่น 51Talk ที่เน้นการสนทนา ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาที่เรียนภาษาอังกฤษให้ลูกๆ อยู่นะครับ ขอให้เจอที่ที่ใช่สำหรับน้องๆ ทุกคนครับ!