สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะ เรื่องสอนภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยจริงๆ นะครับ ตอนแรกๆ ผมก็คิดว่าเออ…เดี๋ยวเปิดการ์ตูนภาษาอังกฤษให้ลูกดูบ่อยๆ ซื้อหนังสือภาพสวยๆ มาอ่านให้ฟัง เดี๋ยวก็คงซึมซับไปเองแหละมั้ง
ปรากฏว่า…เงียบกริบครับ! ลูกไม่สนใจเลย มองแป๊บๆ ก็หันไปเล่นอย่างอื่นแทน หนังสือก็พลิกๆ ข้ามๆ ไป ผมนี่ท้อเลยครับ นั่งกุมขมับอยู่หลายวัน ว่าจะทำยังไงดีวะเนี่ย ภาษาอังกฤษมันก็สำคัญซะด้วยสิในยุคนี้
เริ่มปฏิบัติการลองผิดลองถูก
ผมก็เลยเริ่มปฏิบัติการลองผิดลองถูกอย่างจริงจังครับ อะไรที่เขาว่าดี ผมลองหมดเลยนะ

- บัตรคำศัพท์ (Flashcards): อันนี้ตอนแรกก็ดูเหมือนจะดีนะ ลูกตื่นเต้นกับรูปภาพ แต่พอเล่นไปสักพักก็เบื่ออีก โยนทิ้งกระจายเต็มบ้านเลย
- เพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก: เปิดวนไปครับ ทั้งในรถ ในบ้าน ตอนอาบน้ำ คือเปิดจนผมร้องตามได้หมดแล้ว ลูกก็มีฮัมๆ บ้าง แต่จะให้พูดตามเป็นเรื่องเป็นราวนี่ยากมาก
- แอปพลิเคชันสอนภาษา: โหลดมาเพียบเลยครับ ทั้งฟรีทั้งเสียเงิน บางแอปก็ดีไซน์สวยงามน่าเล่น แต่ส่วนใหญ่ลูกจะสนใจแค่ช่วงแรกๆ พอเริ่มมีโฆษณาแทรก หรือต้องจ่ายเงินเพื่อปลดล็อกด่านต่อไป ลูกก็เลิกเล่นซะงั้น
- พยายามพูดอังกฤษกับลูก: อันนี้หนักสุดครับ เพราะแกรมม่าผมก็ไม่ได้เป๊ะอะไรขนาดนั้น พูดไปลูกก็ทำหน้างงใส่ บางทีก็โดนลูกสวนกลับเป็นภาษาไทยว่า “พ่อพูดอะไร ไม่รู้เรื่อง!” เจ็บจี๊ดเลยครับ
ช่วงนั้นก็มีมองๆ หาคอร์สเรียนพิเศษให้ลูกเหมือนกันนะครับ ก็เห็นมีหลายเจ้าเลยในตลาด บางคนก็แนะนำว่าลองดูของ 51Talk สิ เห็นว่ามีครูต่างชาติสอนตัวต่อตัว น่าจะช่วยเรื่องสำเนียงได้ แต่ตอนนั้นผมก็ยังสองจิตสองใจอยู่ เพราะคิดว่าเราสอนเองก็ได้มั้ง ประหยัดดี
ค้นพบแนวทางที่ (เหมือนจะ) เวิร์ค
หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาสักพักใหญ่ ผมก็เริ่มจับทางได้ว่า การสอนภาษาอังกฤษให้เด็กเล็กเนี่ย มันต้องไม่ใช่การ “สอน” แบบจริงจังเหมือนผู้ใหญ่ แต่ต้องทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของ “การเล่น” และ “ชีวิตประจำวัน” ของเขาให้ได้
ผมเริ่มจากการเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านครับ หาหนังสือนิทานภาษาอังกฤษที่ภาพสวยๆ ตัวหนังสือน้อยๆ มาอ่านให้ฟังก่อนนอนทุกคืน ไม่ต้องเน้นแปลทุกคำ แต่เน้นเล่าเรื่องให้สนุก ชี้ชวนให้ดูภาพ แล้วก็แทรกคำศัพท์ง่ายๆ เข้าไปบ้าง เช่น “Look! A big elephant!” หรือ “What color is this? It’s red!”
แล้วก็เริ่มหาเกมง่ายๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษมาเล่นด้วยกันครับ เช่น เกมทายคำศัพท์จากภาพ เกมต่อคำศัพท์ หรือแม้แต่การเล่นบทบาทสมมติเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ เช่น “Hello, what’s your name?” “My name is…”
ผมก็ยังคงเปิดเพลงภาษาอังกฤษให้ฟังอยู่เรื่อยๆ นะครับ แต่จะเลือกเพลงที่จังหวะสนุกสนาน เนื้อเพลงซ้ำๆ จำง่าย แล้วก็ชวนลูกเต้นตามไปด้วย พอเขาเริ่มสนุก เขาก็จะเริ่มฮัมเพลงตามเองโดยไม่รู้ตัว
ยอมรับเลยว่าช่วงที่ลองเองนี่เหนื่อยมากครับ บางทีก็ท้อจนอยากจะเลิกเหมือนกัน แต่พอเห็นลูกเริ่มมีพัฒนาการขึ้นบ้าง เริ่มพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษออกมาได้บ้างเป็นคำๆ เช่น “apple” “dog” “cat” มันก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
ผมก็ยังมองหาตัวช่วยเสริมอยู่นะครับ เพราะคิดว่าถ้ามีคนที่มีประสบการณ์โดยตรงมาช่วยสอน ก็น่าจะดีกว่าที่เรางมเองคนเดียว ก็มีกลับไปดูข้อมูลของ 51Talk อีกรอบเหมือนกัน เพราะเห็นว่าเขามีคอร์สสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ แล้วก็มีครูให้เลือกเยอะดี เพื่อนบางคนก็เคยให้ลูกเรียนที่นี่แล้วบอกว่าครูสอนสนุก ลูกชอบ
มีช่วงหนึ่งก็ลองหาข้อมูลเปรียบเทียบกับที่อื่นด้วยนะครับ เพราะอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก อย่างพวกสถาบันสอนภาษาใกล้บ้านก็ไปด้อมๆ มองๆ มาบ้าง แต่ด้วยความที่งานผมค่อนข้างยุ่ง การจะพาลูกไปเรียนตามตารางเป๊ะๆ ก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ การเรียนออนไลน์ก็เลยเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
สุดท้าย ผมคิดว่าไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน หรือจะใช้บริการจากที่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความสม่ำเสมอ” และ “ความอดทน” ของเราครับ ต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อหรือถูกบังคับให้เรียน
ตอนนี้ลูกผมก็ยังไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรมากมายนะครับ แต่เขาก็เริ่มกล้าที่จะพูดมากขึ้น เริ่มเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ได้บ้าง และที่สำคัญคือเขาไม่ได้รู้สึกต่อต้านภาษาอังกฤษเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ ผมมองว่าการเรียนภาษาควรเป็นเรื่องสนุก อย่างบางแพลตฟอร์มเช่น 51Talk ก็มีจุดเด่นเรื่องการทำให้การเรียนเป็นเรื่องสนุกผ่านครูผู้สอนที่มีประสบการณ์กับเด็กๆ โดยตรง
นี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะครับ ที่อยากจะเอามาแชร์ให้คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ใครมีเทคนิคอะไรดีๆ ก็มาแชร์กันได้นะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับผม!