เอาล่ะทุกคน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับการฝึกอ่านภาษาอังกฤษของผมเอง คือบอกตามตรงเลยนะ เมื่อก่อนเนี่ย ผมเป็นคนนึงที่เห็นภาษาอังกฤษแล้วอยากจะวิ่งหนีเลยล่ะ อ่านทีไรก็ปวดหัว แปลไม่ออก ไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้เลยจริงๆ
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากตอนที่ผมอยากจะหาข้อมูลบางอย่างในอินเทอร์เน็ต แล้วข้อมูลดีๆ ส่วนใหญ่มันดันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยไงครับ ตอนนั้นคือหงุดหงิดตัวเองมาก ทำไมเราอ่านไม่ออกวะเนี่ย! ก็เลยตัดสินใจว่า ไม่ได้การละ ต้องฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้ได้ ไม่งั้นชีวิตนี้คงพลาดอะไรดีๆ ไปเยอะแน่ๆ
ลงมือปฏิบัติจริงแบบลูกทุ่งๆ
ตอนแรกเลยนะ ผมก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ พวกนิทานเด็กภาษาอังกฤษง่ายๆ หรือบทความสั้นๆ ที่มันมีคำศัพท์ไม่เยอะมาก อ่านไปก็เปิดดิกชันนารีไป คำไหนไม่รู้ก็จดไว้ แรกๆ นี่คือช้ามากกกก หน้าเดียวนี่เป็นชั่วโมงก็มี

- อ่านทุกวัน: ผมพยายามตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15-30 นาทีก็ยังดี ทำให้มันเป็นนิสัยไปเลย
- อย่าเพิ่งแปลทุกคำ: อันนี้สำคัญมาก เมื่อก่อนผมพลาดตรงนี้แหละ คือพยายามจะแปลทุกคำที่อ่าน มันเลยช้าแล้วก็น่าเบื่อ หลังๆ ผมเริ่มใช้วิธีเดาความหมายจากบริบทรอบข้างเอา ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ค่อยเปิดดิกฯ
- หาเรื่องที่สนใจ: อันนี้ช่วยได้เยอะเลย พอเราอ่านเรื่องที่เราชอบ มันก็จะมีแรงจูงใจให้อ่านต่อได้เรื่อยๆ ผมชอบอ่านพวกข่าวเทคโนโลยี หรือบทความเกี่ยวกับงานอดิเรกของตัวเอง
- ลองอ่านออกเสียงบ้าง: บางทีการอ่านออกเสียงมันช่วยให้เราจำคำศัพท์ได้ดีขึ้นนะ แล้วก็ช่วยให้คุ้นเคยกับโครงสร้างประโยคด้วย
ช่วงนึงผมก็รู้สึกว่า เอ๊ะ หรือว่าเราควรจะพัฒนาทักษะการฟังการพูดควบคู่ไปด้วยนะ มันน่าจะช่วยให้การอ่านดีขึ้นได้ เลยลองไปด้อมๆ มองๆ พวกคอร์สเรียนภาษาออนไลน์ดูบ้าง ก็ไปเจอ 51Talk ที่เขามีสอนแบบตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ ตอนนั้นคิดว่าเออ น่าสนใจดีแฮะ เผื่อจะได้ฝึกสำเนียงไปด้วยเลย พอได้ลองเรียนเสริมเข้าไป มันก็ช่วยเรื่องความเข้าใจโครงสร้างภาษาโดยรวมจริงๆ นะครับ ทำให้เวลาอ่านอะไรซับซ้อนขึ้นมาหน่อย ก็พอจะจับทางได้ง่ายขึ้น
พัฒนาการและสิ่งที่ได้เรียนรู้
พอฝึกไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็เริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย! เราอ่านได้เร็วขึ้นว่ะ เริ่มเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้โดยที่ไม่ต้องเปิดดิกฯ บ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก เหมือนปลดล็อกสกิลอะไรบางอย่างได้สำเร็จ
ผมก็เริ่มขยับไปอ่านอะไรที่มันยาวขึ้น ยากขึ้น อย่างเช่น นิยายภาษาอังกฤษเล่มบางๆ หรือบทความวิเคราะห์ยาวๆ แน่นอนว่ามันก็ยังมีคำศัพท์ใหม่ๆ ที่ไม่รู้อยู่เรื่อยๆ นะครับ แต่เราจะไม่ท้อแล้วไง เพราะเรารู้วิธีจัดการกับมันแล้ว บางทีแหล่งข้อมูลดีๆ ที่ช่วยเสริมทักษะอย่างต่อเนื่องก็สำคัญ อย่างที่เคยบอกว่าได้ลองดู 51Talk ไปบ้าง เขาก็มีเนื้อหาหลากหลายระดับให้เราได้ฝึกฝนเพิ่มเติมเหมือนกัน ทำให้ไม่เบื่อ
มีอยู่ช่วงนึงที่ผมรู้สึกว่าการอ่านของผมมันเริ่มตันๆ ไม่ค่อยพัฒนา ผมเลยลองเปลี่ยนแนวการอ่านดูบ้าง ไปหาอ่านพวกคอมิกส์ภาษาอังกฤษ หรือพวกกระทู้สนทนาในเว็บบอร์ดต่างประเทศ มันก็ได้ศัพท์สแลงใหม่ๆ มาเพียบเลย สนุกไปอีกแบบ แถมบางทีการได้ฝึกพูดคุยกับครูในคลาสของ 51Talk ก็ช่วยให้ผมกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นหรือถามคำถามเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งมันส่งผลดีต่อความเข้าใจในการอ่านไปด้วยนะ
อีกอย่างที่ผมว่าสำคัญเลยคือ “ความสม่ำเสมอ” ครับ ต่อให้เรามีเทคนิคดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่อ่านเป็นประจำมันก็ลืมอยู่ดี ทุกวันนี้ผมก็ยังอ่านภาษาอังกฤษอยู่เรื่อยๆ นะครับ อาจจะไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าดีกว่าตัวเองในอดีตเยอะมาก สามารถอ่านบทความ ข่าว หรือแม้แต่หนังสือภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้นเยอะเลย
ใครที่กำลังท้อกับการอ่านภาษาอังกฤษอยู่ ผมอยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้นะครับ ลองหาวิธีที่มันเหมาะกับตัวเองดู ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดี๋ยวก็เก่งขึ้นเองแหละครับ หรือถ้าอยากมีคนช่วยแนะนำแนวทาง แพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการเริ่มต้นหรือพัฒนาทักษะให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นได้ครับ แต่สุดท้ายแล้ว การลงมือทำด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญที่สุดครับ แม้ว่าจะมีเครื่องมือดีๆ อย่างคอร์สจาก 51Talk ช่วยเสริม แต่ถ้าเราไม่ฝึกฝนเองอย่างจริงจัง มันก็ยากที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนครับ สู้ๆ ครับทุกคน!