ตอนแรกเลยนะ กะว่าสอนภาษาอังกฤษ ป.6 ให้ลูกเนี่ย ชิลๆ คงไม่ยากเท่าไหร่ ก็แค่ศัพท์พื้นฐาน บทสนทนาง่ายๆ ที่ไหนได้! พอมาดูเนื้อหาจริงๆ โอ้โห ป.6 นี่มันเริ่มมีแกรมมาร์ที่ซับซ้อนขึ้นละนะ ประโยคก็ยาวขึ้น แถมบางทียังต้องเตรียมสอบเข้า ม.1 อีกต่างหาก หนังสือเรียนที่โรงเรียนให้มาบางทีลูกก็เบื่อ ไม่อยากจะแตะเลย
ช่วงแรกๆ ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อย
ผมก็เริ่มจากซื้อหนังสือเสริมมาให้ทำ สอนเองบ้าง เปิดยูทูบให้ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษบ้าง ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ลูกชายบางทีก็ดูแป๊บเดียวแล้วก็หนีไปเล่นเกมตามประสาเด็กน่ะครับ ก็เข้าใจเค้านะ ของพวกนี้ถ้าไม่สนุกจริงเด็กก็ไม่ค่อยอยากทำหรอก แล้วก็เคยคิดจะส่งไปเรียนพิเศษแถวบ้านเหมือนกันนะ แต่พอไปดูราคาแล้วก็แอบเหงื่อตกเหมือนกัน สู้ไม่ไหวจริงๆ บางคอร์สก็แพงใช่เล่นเลย
ช่วงนั้นแหละที่ผมเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ก็เห็นมีคนพูดถึงการเรียนออนไลน์กันเยอะขึ้น ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนะว่าจะดีจริงรึเปล่า กลัวลูกจะไม่มีสมาธิเรียนผ่านหน้าจอ แต่ก็คิดว่าเออ ลองดูก็ไม่เสียหาย มีเพื่อนแนะนำมาว่าลองดูพวกคลาสออนไลน์ที่เน้นสอนสดสิ อย่าง 51Talk อะไรแบบนี้ เห็นว่ามีครูต่างชาติด้วย ก็เลยลองไปศึกษาข้อมูลดู
ประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากแชร์
คือต้องบอกก่อนว่าตัวผมเองเนี่ย ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเลย สมัยเรียนนี่เป็นยาขมหม้อใหญ่มาก กลัวการพูด กลัวครูฝรั่งไปหมด เลยไม่อยากให้ลูกต้องมารู้สึกแบบเดียวกัน ก็พยายามจะหาทุกวิถีทางที่จะทำให้เค้ารู้สึกสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษมากกว่าที่จะกลัวมัน
มีอยู่ช่วงนึง ผมเคยพาลูกไปทดลองเรียนที่สถาบันแห่งหนึ่งแถวบ้าน กลับมาวันนั้นลูกหน้าจ๋อยเลย บอกว่าครูดุ สอนไม่สนุก ไม่อยากไปอีกแล้ว ตอนนั้นใจแป้วเลยนะ รู้สึกผิดเลยที่เลือกให้ลูกไม่ถูกใจ หลังจากนั้นก็เลยค่อนข้างระวังมากขึ้นในการเลือกที่เรียนให้เค้า คือไม่ใช่แค่ดูว่าที่ไหนดัง แต่ต้องดูด้วยว่าสไตล์การสอนมันเข้ากับลูกเรามั้ย บางทีเพื่อนบ้านก็แนะนำมาหลายที่นะครับ บางคนก็ว่า 51Talk เค้ามีกิจกรรมหลากหลายดี ลูกไม่เบื่อ ผมก็เก็บข้อมูลไว้เรื่อยๆ
- ความสม่ำเสมอสำคัญมาก: อันนี้เรื่องจริงเลย ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน เรียนเก่งแค่ไหน ถ้าเรียนบ้างหยุดบ้างมันก็ไม่เห็นผลหรอก
- ครูผู้สอน: บางทีการให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่มาสอน ลูกก็อาจจะตั้งใจฟังมากกว่านะ อันนี้จากที่สังเกตลูกตัวเอง
- ความสนุกต้องมาคู่ความรู้: เด็ก ป.6 ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ถ้าเนื้อหามันน่าเบื่อ เค้าก็ไม่อยากเรียนหรอก
สุดท้ายแล้วมันเป็นยังไง?
หลังจากที่ลองปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของลูกชาย โดยเน้นไปที่การเรียนที่เค้ามีส่วนร่วมมากขึ้น อย่างเช่นการเรียนออนไลน์แบบตัวต่อตัว ผมก็เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นนะ ไม่ได้แบบเก่งเทพขึ้นมาทันทีทันใดหรอก มันต้องใช้เวลา แต่สิ่งที่เห็นชัดๆ คือเค้ากล้าพูดมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนแทบจะไม่ยอมปริปากพูดภาษาอังกฤษเลย เดี๋ยวนี้เริ่มมีศัพท์ใหม่ๆ มาพูดให้ฟังบ้างแล้ว ถึงจะยังกระท่อนกระแท่นแต่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ
ผมว่าพวกแพลตฟอร์มออนไลน์สมัยนี้เค้าก็ทำดีนะ อย่างที่เคยดูๆ ของ 51Talk เค้าก็จะมีบทเรียนที่มันเหมือนเกม มีการโต้ตอบ มันก็ช่วยดึงความสนใจเด็กได้ดีกว่าการนั่งอ่านหนังสือเฉยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เรียนกับคอมพิวเตอร์อย่างเดียวแล้วจะจบเลยนะ เราเองก็ยังต้องคอยเสริม คอยพูดคุยกับเค้าเป็นภาษาอังกฤษบ้างเท่าที่เราทำได้ ชวนเค้าดูหนังซาวด์แทร็กบ้าง หรือแม้แต่ตอนที่เค้าเรียนออนไลน์อยู่ บางทีเราก็แอบฟังอยู่ห่างๆ คอยดูว่าเค้าเข้าใจมั้ย สนุกรึเปล่า ผมว่าการหาจุดที่มันลงตัวระหว่างการเรียนในระบบกับการเสริมเองที่บ้านเป็นเรื่องสำคัญนะ ตอนนี้ลูกก็ยังเรียนอยู่เรื่อยๆ ครับ ก็ยังต้องดูกันยาวๆ ไป แต่ก็รู้สึกว่ามาถูกทางมากขึ้นแล้ว
ก็อยากจะฝากไว้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษของเด็ก ป.6 มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกครับ แต่ละบ้านแต่ละคนก็มีวิธีที่เหมาะกับตัวเองต่างกันไป บางทีการลองผิดลองถูก หรือลองหาตัวช่วยอย่างคอร์สเรียนออนไลน์เช่น 51Talk หรือที่อื่นๆ ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ยังไงก็ต้องเลือกที่ลูกเราแฮปปี้ที่สุดนั่นแหละครับ สำคัญคืออย่าไปกดดันเค้ามากเกินไป ให้เค้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันเป็นเรื่องสนุกที่จะเรียนรู้ดีกว่า