สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยครับ กับการพยายามสอนภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้าน ตอนนี้เรียนอยู่ ป.3 แล้วครับ ตอนแรกก็คิดในใจว่า ป.3 เอง ไม่น่าจะยากอะไรมากมั้ง เด็กวัยนี้สมองกำลังเปิดรับ แต่พอลงมือทำจริง โอ้โห! บอกเลยว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ
เรื่องมันเริ่มจากตรงนี้
คือผมเห็นว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญจริงๆ ในยุคนี้ เลยอยากให้ลูกได้พื้นฐานดีๆ แต่จะเริ่มยังไงดีล่ะ? หนังสือเรียนที่โรงเรียนก็มีอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่ามันยังไม่พอ อยากให้เขาได้ฝึกฝนเพิ่มเติมแบบสนุกๆ ไม่เครียด ผมก็เริ่มจากไปด้อมๆ มองๆ หาข้อมูลก่อนเลยครับ ดูรีวิวคอร์สเรียนบ้าง แอปพลิเคชันสอนภาษาบ้าง บางคนก็แนะนำให้ลองดูพวกคอร์สออนไลน์สำหรับเด็กเล็กๆ ไปเลย
ช่วงแรกๆ ที่ลองสอนเองนี่ทุลักทุเลพอสมควรครับ เอาหนังสือมานั่งอ่านด้วยกัน เจ้าตัวเล็กก็ทำหน้าเบื่อ บางทีก็ชวนออกนอกเรื่องไปนู่นไปนี่ สมาธิสั้นตามวัยเขาแหละครับ ผมก็พยายามหาเกมคำศัพท์มาเล่นด้วยบ้าง เปิดเพลงภาษาอังกฤษเด็กๆ ให้ฟังบ้าง ก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่

ลงมือปฏิบัติจริงจัง
ผมเลยตัดสินใจว่าต้องมีแผนการที่ชัดเจนขึ้น เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ
- คำศัพท์รอบตัว: ผมเน้นสอนคำศัพท์ที่เขาเห็นในชีวิตประจำวันจริงๆ เช่น สัตว์ สิ่งของในบ้าน สีผลไม้ ผัก พยายามเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขาจับต้องได้
- บัตรคำ (Flashcards): อันนี้คลาสสิกแต่ได้ผลเสมอครับ ผมทำบัตรคำเองบ้าง หาซื้อแบบสำเร็จรูปมาบ้าง ให้เขาดูรูปแล้วทายคำศัพท์ สลับกันไป บางทีก็ให้เขาวาดรูปคำศัพท์นั้นๆ เองเลย สนุกดีครับ
- เพลงและนิทานสั้นๆ: เด็กกับเพลงเป็นของคู่กัน ผมหาเพลงภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่มีท่าทางประกอบมาเปิดให้เขาฟังแล้วก็ทำท่าตามไปด้วย ส่วนนิทานก็เลือกเรื่องสั้นๆ ที่มีภาพประกอบเยอะๆ เล่าให้ฟังแบบใส่อารมณ์หน่อย เขาจะชอบมาก
- เกมสนุกๆ: อันนี้สำคัญมาก ผมพยายามแปลงบทเรียนให้เป็นเกม เช่น เกมบิงโกคำศัพท์ เกมทายคำจากภาพ หรือแม้แต่เล่นบทบาทสมมติง่ายๆ เป็นภาษาอังกฤษ เช่น สั่งอาหาร ซื้อของ
ผมสังเกตว่าพอเราปรับวิธีการสอนให้มันสนุก ไม่ใช่การบังคับให้ท่องจำอย่างเดียว ลูกก็เริ่มให้ความร่วมมือมากขึ้น เริ่มมีเสียงหัวเราะระหว่างเรียนรู้ ผมก็เริ่มเห็นแววตาที่สนใจของเขาแล้วครับ ระหว่างที่หาข้อมูลเพิ่มเติม ก็มีเพื่อนๆ แนะนำแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์เหมือนกันนะ อย่างเช่น 51Talk ที่เขาว่ามีครูต่างชาติสอนตัวต่อตัว ก็น่าสนใจดีครับ แต่ผมก็ยังอยากลองพยายามด้วยตัวเองดูก่อน ผสมผสานหลายๆ วิธีไป
มีช่วงหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอยากให้ลูกได้ฝึกพูดกับคนอื่นบ้างที่ไม่ใช่แค่ผม เลยลองมองหาคอร์สเรียนเสริมดู ก็ไปเจอข้อมูลของ 51Talk อีกครั้ง เห็นว่าเขามีคลาสทดลองเรียน ก็เลยคิดว่าเออ ลองดูก็ไม่เสียหายนะ เผื่อลูกจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้คุยกับคุณครูจริงๆ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันทีครับ ขอเก็บไว้เป็นตัวเลือกหนึ่ง
สิ่งที่ผมเน้นย้ำกับตัวเองเสมอคือ ความสม่ำเสมอ ครับ ถึงจะสอนครั้งละไม่นาน แค่ 15-20 นาทีต่อวัน แต่พยายามทำให้ได้ทุกวัน ดีกว่าอัดเนื้อหาเยอะๆ แต่นานๆ ทำที อันนั้นเด็กจะลืมง่ายมาก ผมเองก็ไม่ใช่ครูมืออาชีพนะครับ อาศัยลูกบ้ากับความพยายามล้วนๆ บางวันก็ท้อบ้างเหมือนกันนะ เวลาที่ลูกไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ต้องฮึดสู้กันไป
ผมว่าการสอนภาษาให้เด็กเล็กๆ มันเหมือนการปลูกต้นไม้ครับ ต้องค่อยๆ รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ บางทีเราอาจจะยังไม่เห็นผลทันทีทันใด แต่ถ้าเราอดทนและให้เวลากับมันมากพอ สักวันหนึ่งต้นไม้ต้นนั้นก็จะเติบโตแข็งแรงแน่นอน ผมเคยคุยกับผู้ปกครองท่านอื่น บางท่านก็เลือกใช้บริการจากสถาบันสอนภาษาโดยตรง หรืออย่างที่บอกไปคือแพลตฟอร์มออนไลน์เช่น 51Talk เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสฝึกฝนกับเจ้าของภาษา ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ครับ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความถนัดของแต่ละครอบครัวเลย
ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็น
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็เริ่มจำคำศัพท์ได้เยอะขึ้นพอสมควรแล้วครับ เริ่มกล้าที่จะพูดเป็นคำๆ หรือประโยคสั้นๆ ง่ายๆ บ้างแล้ว เช่น “This is a cat.” “I want milk.” อะไรทำนองนี้ ถึงจะยังไม่ถึงกับคล่องปร๋อหรือสำเนียงเป๊ะปัง แต่แค่เห็นเขาพยายามสื่อสาร กล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษ ผมก็ดีใจมากๆ แล้วครับ มันเป็นกำลังใจให้คนเป็นพ่ออย่างผมอยากจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ
ก็หวังว่าประสบการณ์บ้านๆ ของผมที่มาแชร์ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์หรือเป็นไอเดียให้กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่กำลังมองหาวิธีสอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆ อยู่นะครับ สู้ๆ ครับผม!
