เมื่อสัปดาห์ก่อนนั่งกุมขมับถามตัวเองว่าจะเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่ไหนดี เพราะต้องยื่นคะแนนสอบวัดระดับขอวีซ่าเรียนต่อต่างประเทศ ได้ข้อมูลมาเพียบแต้งงมาก เลยต้องมานั่งไล่เรียงดูใหม่ตั้งแต่วันแรก
เฟสแรกคือมึนตึ้บกับตัวเลือก
เปิดกูเกิลพิมพ์ไปว่า “คอร์สติวสอบภาษาอังกฤษวีซ่านักเรียน” มันขึ้นมาเป็นสิบสถาบัน แถมบางที่ชื่อคล้ายกันจนสับสนเลยว่าจะเอา IELTS, TOEFL หรืออะไรดี ที่น่าปวดหัวคือแต่ละที่เคลมว่าคอร์สตัวเองดีสุด ราคาก็กระโดดจากสามพันไปถึงสองหมื่น บางคอร์สโฆษณาว่าสอบไม่ผ่านเรียนฟรีอีกด้วย
- สถานการณ์ยุ่งยาก: เวลาจำกัดเพราะต้องยื่นวีซ่าภายใน 3 เดือน
- ข้อมูลท่วม: เก็บรีวิวจากเพจการศึกษาหลายที่ แต่ละแห่งดันติ่งตัวเองแรงไปหมด
- ตัวเลือกเยอะเกิน: คอร์สเร่งรัด 30 ชม. vs คอร์สระยะยาว 6 เดือน
ลงมือเปรียบเทียบแบบจัดหนัก
ต้องลิสต์ทุกคอร์สในเอ็กเซล พิมพ์คอลัมน์ใหญ่ๆคือราคา ระยะเวลา สถานที่เดินทางถึง และคะแนนสอบเฉลี่ยของผู้เรียน ปรากฎว่าเจอจุดน่าสงสัยคือบางสถาบันบอก “คะแนนสูงกว่าเกณฑ์ 80%” แต่พอส่องรายละเอียดเล็กๆคือใช้สถิติแค่กลุ่มตัวอย่าง 30 คนเท่านั้น!

ตัดสินใจโทรปรึกษาครูเก่าที่สอนตอนมัธยม ได้รับคำแนะนำให้ดูประวัติติวเตอร์มาก่อนว่าจบมาทางภาษาจริงไหม เคยตรวจข้อสอบจริงหรือเปล่า เลยมานั่งเสิร์ชฟีดแบ๊คเกี่ยวกับอาจารย์แต่ละคน พบว่าสถาบันนึงติวเตอร์เคยเป็นกรรมการสอบ IELTS มาก่อน เลยยื่นอันนี้ขึ้นมาอันดับต้นๆ
ชงสุดท้ายกับการตัดสินใจ
หลังจากยืนยันกับเจ้าหน้าที่วีซ่าว่ายอมรับผลสอบของคอร์สที่เล็งไว้ ก็ไปซุ่มดูห้องเรียนจริงแบบไม่บอกตัวตน นี่ช่วยได้มากเพราะเห็นบรรยากาศการสอนชัดเจน บางคลาสนักเรียนนั่งง่วงนอน บางคลาสมีซ้อมสอบพูดแบบตัวต่อตัว
- ตัวตัดสินฉบับจัดเต็ม: เลือกที่ติวเตอร์เจอหน้ากันได้ ไม่ใช่สอนผ่านคลิปอย่างเดียว
- หลบหลุมพราง: คอร์สที่สัญญาแจกข้อสอบเก่า 100 ชุดนี่หลีกเลยเพราะอาจโดนฟ้องลิขสิทธิ์ได้
สุดท้ายลงทะเบียนคอร์สแพ็กเล็ก 40 ชม. ที่รวมทุกสกิลฟรี 1 ครั้ง เวลาสอบเสร็จติดปากคำว่า “ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่มึนหัวจนเซ็นสัญญาใช้เวลาแค่สองอาทิตย์เอง” ผลสอบก็ผ่านตามเป้าที่มหาวิทยาลัยต้องการพอดี
