พอเห็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปุ๊บ ฉันก็คิดในใจว่า “เอานะ ลองมันซักตั้ง!” วันแรกกดสมัครเสร็จปั๊บ เหมือนมีใครมาจี้หลังตลอดเลยอะ ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้ต้องเริ่มแล้ววะ
เริ่มต้นแบบกาฝาก
ตอนสมัครไปนี่มือสั่นเลยนะ คลิกทีละปุ่มแบบไม่แน่ใจ เวลาเข้าเรียนครั้งแรกมันประหม่าเว่อร์ ต้องล็อกอินดูคอร์สผ่านหน้าเว็บ นั่งจ้องหน้าจอเป็นไก่ตาแตกไปสิบนาที ครูฝรั่งออกเสียงคำว่า “through” ซ้ำตั้งสามที ฉันยังพูดตามไม่ถูกสักที หนังตาก็เริ่มหนักหน่วงแต่ยังบีบตัวเองให้กดดูวิดีโอต่อ
พลิกแพลงใช้วิธีนั่งทวนตอนตีห้าให้บ้านเงียบๆ แรกๆมันชักจะเซ็ง พูดภาษาอังกฤษกับผนังห้องไปสองวันก็ทนไม่ไหว หันไปลากน้องชายสายมาร่วมเวอร์ชวลคลาสด้วยกัน ตอนนี้ก็บ่นกันไปมาเวลาฝึกพูดบทสนทนา เดี๋ยวมันก็หัวเราะกันลั่นบ้าน

เทคนิคจิ๋วแต่เจ๋ง
ครูเขาสอนให้เล่นเกมส์ฝึกฟังโดย:
- เปิดเพลงฝรั่งแล้วเติมคำลงในช่องว่าง
- แปะโพสอิทคำศัพท์ไว้ที่ตู้เย็น
- เอามือจับคอเวลาออกเสียงตัว “R” ให้รู้สึกสั่น
เด็ดสุดคือการจำศัพท์ด้วยการวาดภาพปากการิมทางเดิน ทุกวันเดินผ่านก็ท่อง “door, floor, wall…” ซ้ำไปซ้ำมา จนแม่บ้านมองหน้าแปลกๆแล้วถามว่าสมองมีปัญหาไหมเนี่ย
สงครามตัวสะกด
สัปดาห์ที่สามเริ่มเขียนเรียงความเรื่อง “ความฝันตอนเด็ก” ยากโคตร พิมพ์ไปสลับไปมาระหว่างเขียนทั้งตัวพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็ก มึนกับกฎแกรมมาร์จนปวดขมับ ต้องรื้อสมุดเก่าๆมาดูใหม่ แถมพกดิกชันนารีฉบับพกพาติดกระเป๋าตลอด เจอเพื่อนทีไรเหมือนตุ๊กแกถามคน เปิดหน้าปกถามไม่หยุด
ช่วงนี้เป็นห้วงเวลาแห่งความท้อแท้า รู้สึกว่าทำไมเรียนมาตั้งนานยังพูดไม่คล่องแคล่วสักที เกือบจะยกธงขาวเลิกกลางคันแล้วนะนั่น
แสงสว่างปลายอุโมงค์
แต่พอผ่านไปสองเดือน ดันเกิดปาฏิหารย์! วันนึงไปซื้อของที่ตลาดท่องเที่ยว เจอฝรั่งหลงทางถามทาง ฉันดันตอบได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแกรมมาร์เลย อารมณ์ประมาณ “อ้าว ไปตรงนั้นนะครับ” พูดลื่นปรื๊ด
ตอนนี้เริ่มอ่านเมนูอาหารฝรั่งไม่ต้องเปิดกูเกิลแปลแล้ว แถมแอบได้งานแปลเอกสารเล็กๆน้อยๆจากบริษัทเพื่อนบ้าน สรุปให้ต้องบอกตรงๆว่าคอร์สนี้มันเวิร์คจริงๆนะ ยากแต่คุ้ม!
