ผมเริ่มต้นหาที่เรียนฟรีให้ลูกตอนเช้า
เฮ้อ…เมื่อคืนลูกชายมานั่งบ่นอีกแล้วว่าเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเซ็งสุดๆ ตอนแรกก็จะดุเขาแต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองสมัยเด็กๆ ก็เบื่อเหมือนกัน เลยตั้งปณิธานไว้ในใจว่าวันหยุดนี้ต้องหาอะไรสนุกๆ ให้เขาลองเรียนดู
เปิดกูเกิลพิมพ์ไปตรงๆ เลยว่า “ภาษาอังกฤษ ออนไลน์ ฟรี เด็ก” เจอเว็บนู่นเว็บนี่เยอะแยะไปหมด แต่พอลองคลิกเข้าไปก็เจอ:
- บางทีเขาก็ให้สมัครสมาชิกก่อน ใส่เบอร์โทรแล้วเดี๋ยวมีคนโทรมาขายคอร์ส แสบมาก!
- บางเว็บโฆษณาเด้งตลอด พอลูกกดเล่นวิดีโอปุ๊บ หนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ก็เด้งปั๊บ
- อีกแบบคือเนื้อหาแห้งเชียว! รูปการ์ตูนน่ารักแต่เสียงบรรยายเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัย สงสารลูกขน毛发竖 (ขนลุก)
ค้นไปค้นมาจนเจอของดี
เริ่มใช้คีย์เวิร์ดเพิ่มว่า “วีดีโอ สนุก ภาษาอังกฤษ” คราวนี้เจอเว็บนึงที่หน้าตาสดใสดี มีรูปสัตว์การ์ตูนเต้นระบำอยู่หน้าแรก ลองไม่กรอกอีเมลก็เข้าเรียนได้เลย ผมกับลูกชายรีบลองทันที:

- กดเข้าไปที่หมวด “สัตว์น่ารัก” แรกๆ ก็งงนิดหน่อยเพราะเมนูเป็นภาษาอังกฤษหมด
- สอนคำว่า “hop” ด้วยกระต่ายยักษ์กระโดดตุ้บๆ บนหน้าจอ ลูกหัวเราะลั่น
- มีเกมจับคู่รูปภาพกับคำศัพท์ ตอนแรกลูกทำผิดแต่พอเล่นไปสามรอบเริ่มทัน
- เจอเพลง “หัวไช้เท้ายักษ์” เวอร์ชันภาษาอังกฤษ นี่แหละตัวดี! ร้องตามไม่ทันแต่ขยับตัวตามเพลงอย่างเมามัน
ระหว่างที่ลูกเล่น ผมแอบจดข้อสังเกตไว้ในสมุด:
- วีดีโอสั้นๆ ประมาณ 3-5 นาที ไม่น่าเบื่อ
- หลังจบแต่ละคลิปมีแบบฝึกหัดให้ทำทันที เหมือนเกมส์จับผิดภาพ
- มีฟังก์ชันกดฟังซ้ำได้ไม่จำกัด次数 (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
- สมัครสมาชิกฟรีก็ได้ของแถมเป็นเกมส์ปริศนาอีก 5 เกมส์
เคล็ดลับที่ได้จากประสบการณ์วันนี้
ตอนเย็นจัดโต๊ะน้ำชามานั่งสรุปกับลูก ตั้งกฎสามข้อ เอาไว้:
- เรียนวันละไม่เกิน 30 นาที ถ้ายังกดเล่นอีกให้บอกว่า “โปรดรอถึงพรุ่งนี้!”
- ให้ลูกเลือกหัวข้อเรียนได้เอง จะเป็นสัตว์/การ์ตูน/นักบินอวกาศก็ได้ทั้งนั้น
- ผมต้องนั่งเรียนด้วยอย่างน้อยวันละ 1 คลิป ไม่งั้นลูกบอกว่าไม่ยุติธรรม
ปิดท้ายด้วยการแอบไปเซฟเพลง “If You’re Happy and You Know It” เวอร์ชันช้างโยกเยกไว้ในโทรศัพท์ พรุ่งนี้จะเปิดให้ลูกฟังตอนกินข้าวเช้า…เอาล่ะ ถ้ามีอะไรอัพเดทจะมาแจ้งอีกทีนะครับ
