รู้สึกอืดอาดยันคอ แต่อยากปัดฝุ่นภาษาอังกฤษ
ย้อนไปเดือนก่อน นั่งดูยูทูปคลิปฝรั่ง ยืนงงไปเป็นชาติ เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย มันรู้สึกแย่…เหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวในห้อง ฮ่าๆ พอดีมีโครงการที่ทำงานต้องคุยกับทีมนอก เลยรู้ตัวอีกทีก็บอกกับตัวเองว่า “เอาล่ะ ต้องจัดแล้ว” แต่…นี่มันจะเริ่มตรงไหนวะเนี่ย? ไวยากรณ์เพียบ! คำศัพท์เป็นล้าน! มึนตึบไปหมด
ลองง่ายๆ ก่อนเลยดีกว่า เริ่มจากศูนย์เปะ
แรกสุดเลย ถอยหลังกลับมาขั้นพื้นฐานสุดๆ ผมเปิดเน็ตเสิร์ชแบบมั่วๆ ว่า “เรียนภาษาอังกฤษเริ่มต้น ไม่มีพื้นฐาน” เจอบรรดาแอพฟรีเพียบเลย! ไม่น่าเชื่อว่ามีของฟรีดีๆ เยอะขนาดนี้ ผมโหลดมาไว้ในมือถือหลายตัวเลย ตัวไหนใช้ไม่ถูกใจก็ถอนไม่เกรงใจ วิธีนี้ช่วยได้มากเพราะ…
- ไม่ต้องจ่ายตังค์ก่อน ไม่เสียดายถ้าไม่ใช่
- เรียนหน้าตู้เย็นก็ได้ หลังเลิกงานเหนื่อยๆ ไม่ต้องเดินทาง
- วันไหนงานยุ่งจัดก็แค่กดข้าม เรียนวันละ 15 นาทีก็พอหอมปากหอมคอ
แต่ปัญหามาเกิดตอน… เบื่อ! เรียนไปสามวันก็เริ่มทิ้ง กลับไปดูซีรีส์เกาหลีเหมือนเดิม ผมหยุดถามตัวเองว่า “อ้าว ทำไมเราไม่ไปต่อล่ะ?” ปัญญาอ่อนเลย มันเกิดจากความรู้สึกว่า ตัวเองห่วยแตก! คิดคำศัพท์ได้ช้า พูดติดขัด เป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนเพิ่งเริ่ม แต่สมองชอบมาหลอกเราเองว่า “แกไม่เหมาะกับการเรียนภาษาหรอก”

เปลี่ยนสมองด้วยการ…โยนความสมบูรณ์แบบทิ้งถังขยะ!
ผมตั้งกฎใหม่ง่ายๆ ให้ตัวเองแบบบ้าบอเลย: “ต่อให้พูดผิดเป๊ะก็ไม่เป็นไร ขอแค่สื่อสารให้เขารู้เรื่องก็พอ” เวลาฝึกในแอพ ถ้าตอบผิดก็เฉยๆ ไม่ต้องโกรธตัวเอง แค่กดดูเฉลยแล้วเดินหน้าต่อ เวลาคุยกับทีมนอกก็บอคให้เขาเข้าใจว่าผมกำลังฝึก พอเขาใจดี ลดเกร็งได้เยอะ เริ่มจากถามเรื่องง่ายๆ ก่อน เช่น “เดี๋ยวผมส่งไฟล์นะ” หรือ “ตรงนี้หมายความว่าอะไรครับ” แค่นี้ก็รู้สึกภูมิใจแล้ว!
เจอเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในชีวิตประจำวัน
อยู่มาวันนึง กะลังยืนผัดข้าวหน้าในครัว นึกอยากฟังเพลงฝรั่งเล่นๆ เปิดให้ดังหน่อยแล้วร้องตามแบบมั่วๆ ไม่คิดเรื่องถูกผิด ผมใช้เทคนิคหูฟังแบบซึมซับนี่แหละ: ตอนเช้าก่อนอาบน้ำ (เปิดแอพฟัง podcast เรื่องสั้นง่ายๆ), เวลาเดินไปซื้อข้าวเที่ยง (เพลงฝรั่ง), พอตกเย็นขับรถกลับบ้านก็เจอ ป้ายโฆษณา บนถนน! เริ่มสังเกตคำศัพท์ง่ายๆ ที่เคยเห็นในแอพแต่คิดว่าจำไม่ได้ โอ้โห! มันอยู่ในชีวิตเราตลอดเวลานี่เอง…
อย่าหยุดแค่รู้ “มันคืออะไร” ให้รู้ “เอาไปใช้ยังไง” ด้วย
พอสะสมศัพท์ได้สักหน่อย ผมลองเอามาประยุกต์ทันที แทนที่จะท่องลูบลามะ ใช้มุกเดิมคือเขียนแชทกับทีมนอกด้วยคำง่ายๆ ถามพวกเขา “How about we do it like this?” หรือ “Can you help me here?” แรกๆ พิมพ์ช้ามาก ค่อยๆ คิดคำเป็นคำ พอคุ้นเคย พอเวลาผ่านไปสองอาทิตย์รู้สึกคล่องขึ้นชัดเจน จากที่ต้องเปิดดิกทุกคำ ตอนนี้พิมพ์เป็นประโยคง่ายๆ ได้เองแบบอัตโนมัติเลย!
ผลลัพธ์ตอนนี้? มันเหมือนได้เห็นการเดินทางของตัวเองชัดเจน ตอนแรกยืนนิ่งๆ ไม่รู้ไปต่อทางไหน แต่นี่…ฟังหนังฝรั่งแค่ 30% อาจไม่เยอะ แต่ดีกว่าตอนเริ่มที่แทบเป็นศูนย์! แถมตอนคุยงานก็มั่นใจขึ้นเยอะ แม้จะยังตอบโต้ช้าหน่อยแต่สื่อสารรู้เรื่อง ไม่มีใครหัวเราะเรา เพราะทุกคนก็เคยผ่านจุดนี้มาก่อน กุญแจสำคัญคือ…มุดเข้าไปในจุดที่คิดว่าตัวเองอ่อนแอ และเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความท้าทาย เหมือนคำพูดปลอบใจลูกๆ ผมนี่แหละ: “ไม่ต้องรีบไปถึงจุดหมาย แค่ลุกขึ้นมาเดินก็ถือว่าชนะแล้ว” ใครที่รู้สึกแบบผมก็อย่าหยุดนะครับ เริ่มวันนี้เลย!
