เมื่อเช้านี้นั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆ ก็แอบนึกในใจว่า ทำไมเราพูดอังกฤษติดขัดจังนะ ทั้งที่ทำงานต้องใช้บ้างบางครั้ง คิดไปคิดมาก็เปิดกูเกิลหาโรงเรียนสอนภาษา พอเห็นราคาคอร์ส โอ้ยยย แพงชิบผัวกระเดื่อง! ตัดใจปิดแท็บทันที
เริ่มตามหารุ่นพี่ออนไลน์
น้ำหมดแก้วก็ยังไม่ยอมแพ้ หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ใหม่ว่า “เรียนภาษาอังกฤษฟรี” เจอเว็บนึงบอกว่าสอนเบื้องต้นครบทุกหัวข้อง่ายๆ เลยกดเข้าไปลองฟัง ปรากฎว่าคนสอนพูดเร็วเปรี๊ยะ! แถมมีแต่สไลด์ข้อความเต็มไปหมด ง่วงจนหาวออกนอกหน้า ตัดสินใจเซิร์ชต่ออีกรอบ
เจอตัวช่วยปังๆ ในช่องยูทูป
- ลองดูคลิปแรก: ครูสาวสอนศัพท์อาหาร น่ารักดีแต่เนื้อหาน้อยไป
- คลิปที่สอง: อาบัพสอนแกรมม่า โหดมาก! ปวดหัวเหมือนโดนตีคอนเฟิ่น
- คลิปที่สาม: นี่แหละใช่! ช่องเค้าจับมือเรียนเป๊ะๆ จากประโยคง่ายๆ เริ่มที่ “How are you” แบบช้าๆ ให้เราฝืนพูดตาม ครูเค้ายังพาเรียงเสียงผิดให้ฟังชัดๆ
ขยันป้ายตามตาราง
เก็บสติแล้วก็จัดตารางชีวิตใหม่ ตื่นเช้าขึ้นครึ่งชั่วโมงมากินข้าวเช้าพร้อมเปิดคลิปวันละ 1 หัวข้อ ที่สำคัญต้องย้ำ! ต้องพูดตาม! สมัครใจเปิดไมค์อ่านตามแม้ว่าตอนแรกเสียงสั่นเหมือนทอดปลาหมึกแห้งๆ พอวันที่สามเพื่อนบ้านแมวเดินผ่านระเบียงยังหันมามองเหมือนว่าอะไรฟังไม่ชัด

พลาดเยอะแต่ก็ไม่ถอย
พอเริ่มเรียนฟรีแล้วต้องคุ้ม ได้เรียนแบบไม่เสียตังค์ก็ต้องรับเงื่อนไขนิดหน่อย บางวันเน็ตหลุดกลางคลิป บางแอพโฆษณาโผล่มาทันทีที่ครูพักให้ทำแบบฝึกหัด แอบนินทาในใจว่า “มึงอย่าขัดคอรุ่นพี่สิ!” แต่เมื่อไรที่เข้าใจคำไหนที่เคยฟังไม่รู้เรื่องนี่อยากกระโดดตบมือกลางห้องเช่า
ผลลัพธ์ที่น่าตกใจกับความจริง
หลังเรียนครบสองอาทิตย์ พอเจอนักท่องเที่ยวหลงทางถามทางแทบอยากวิ่งหนี แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ แกะคำตอบที่เคยฝึกออกมา ตอนเค้ายิ้มแล้วพูด “Thank you so much” นี่น้ำตาจะไหล อีกวันไปเจองานประจำใหม่ดันต้องการคะแนน TOEIC (ข้อสอบภาษาอังกฤษ) ด้วยนะนั่นสิ!! เสียงสะท้อนในหัวดังลั่น: “เรียนฟรีได้แค่พื้นฐาน ไอ้จุดนี้แหละที่เป็นด่านหิน” แต่อย่างน้อยก็ภูมิใจที่เริ่มต้นไม่ต้องยอมแพ้ไปซื้อคอร์สแพงๆ มาเก็บไว้โหลดในมือถือเฉยๆ
