วันนี้อยากเล่าประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษทำงานแบบฟรีๆ ที่ตัวเองทำอยู่ จริงๆ ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่เห็นว่าวิธีนี้มันใช้ได้ผล เลยอยากมาแชร์ให้น้องๆ ทีมลองเอาไปปรับใช้ดู
เริ่มต้นจากงานโดนแดนจริงจัง
ตอนเข้าใหม่ๆ บริษัทส่งเมลเป็นภาษาอังกฤษมาเต็มไปหมด นั่งงงเป็นไก่ตาแตก ประชุมทีมต่างชาติทีไรเหมือนนั่งบนเตาปิ้งย่าง หันซ้ายหันขวาเพื่อนพูดรู้เรื่องหมด แต่ตัวเองเงียบกริบเหมือนประทัดโรยดิน ครั้งนึงเจ้านายสั่งให้สรุปรายงานเป็นภาษาอังกฤษส่งตอนบ่ายสาม ทั้งๆ ตอนนั้นเพิ่งกินข้าวเที่ยงเสร็จ รีบเปิด Google Translate ป้อนทีละย่อหน้า ออกมาเป็นภาษาต่างดาว เจอกรรมการถามกลับมาแถมโดนแก้แดงทั้งไฟล์ สิ้นเดือนนี้ลุงตูนโดนหักเงินสมทบไปครึ่งหนึ่ง
ลองหมดทุกทาง
เริ่มแรกซื้อคอร์สออนไลน์มา 2 คอร์ส เรียนได้ไม่เกินอาทิตย์ก็เผลอหลับทุกที เสียเงินฟรีเปล่าๆ ติดแอพภาษาในโทรศัพท์ ผลัดเปลี่ยนกันโหลดมา 5-6 ตัว แต่พอแจ้งเตือนขึ้นมาก็ปิดซะงั้น เลิกเรียนเพราะคิดว่าตัวเองขี้เกียจเกินฝึก

แต่มามองย้อนไปจริงๆ คือมันไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ตรงไหนในงานนี่แหละ เลยหมดไฟทุกที
จุดเปลี่ยนตอนดึกๆ
อยู่มาวันนึงต้องรีวิวไฟล์ให้ทีมสิงคโปร์ดึกมาก ตอนนั้นท้อจัดๆ เลยลองเปลี่ยนวิธี เลิกแปลทั้งประโยค แต่ดันเอาประโยคในเมลเจ้านายมาแกะเล่นๆ บวกกับวิธีแปลแบบอ้อมๆ
- ดึงประโยคสำคัญในอีเมลเจ้านาย เวลามีเมลสั่งงานยาวเหย็ด จะใช้ไฮไลท์ดึงแค่ 3 ส่วน : คำกริยาสั่งงาน (เช่น revise/report/submit) + วันเวลาดีดไลน์ + ชื่อโปรเจกต์
- ส่องในห้องแชทบริษัทแอบก๊อป ไม่ใช่แค่ดูงานเพื่อน แต่เปิดแชททีมซัพพอร์ตเวลาตอบลูกค้า ชอบจดสำนวนพวก “We’ll investigate this further” หรือ “Kindly check the attachment” พอเอามาแก้คำนิดหน่อยก็ใช้ตอบเมลได้ทันที
- บีบให้ตัวเองฟังวันละนิด ปกติเบลอเวลาทีมต่างชาติพูด เลยเริ่มฝึกตอนดึก พนักงานทำความสะอาดมาถึงคิวใช้ของ พอเห็นแค่ไมโครโฟนเปล่าๆ ในห้องประชุม (ปกติเริ่มถกว่าง 7 โมงครึ่ง) ก็รีบวิ่งเข้าไปกดเปิดซูม ฟังการประชุมของทีมอินเดียตอนดึกๆ ฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แค่จับจังหวะการสนทนา แล้วสังเกตเวลามีคนพูดแทรกว่าเขาขัดจังหวะยังไง
ฝึกทิ้งฟอร์มรัวๆ
วิธีบังคับตัวเองง่ายๆ คือเปลี่ยนจาก “เรียนภาษาอังกฤษ” เป็น “ทำตัวเป็นคนแปลกปลอมในออฟฟิศ”
เริ่มจากของใกล้ตัวก่อน
- เวลาทำงเอกใน Excel ก็ตั้งค่าเมนูเป็นภาษาอังกฤษซะ (ปวดตับแน่นอน ตอนแรกหาที่ซ่อนออฟชั่นไม่เจอ)
- ก่อนส่งไฟล์ให้เพื่อน ส่งเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ตอนแรกใช้แค่ “Updated file please check” ดูเหมือนหุ่นยนต์ แต่เพื่อนคนไทยก็ไม่ว่าอะไร แถมยังเคยแชทกลับมาว่า “ไฟล์ใหม่ส่งแล้วค่ะ” แกล้งเป็นหุ่นยนต์ตามไปด้วย
- พอเห็นข่าวสารบริษัทในกลุ่มประกาศ แทนที่จะเลื่อนผ่าน รีบเดาจับคีย์เวิร์ดสำคัญว่ามีเรื่องอะไรจะเกิด เช่น “IT maintenance” = รอเจอเน็ตล่ม, “policy adjustment” = ระวังถูกเช็คความผิด
ได้ผลกว่าที่คิด
ผ่านไป 2 เดือน ช่วงแรกๆ พอเจอเมลเข้ามาก็ยังเข็ดขยาด แต่มาเริ่มสังเกตว่าเดาความหมายได้เร็วขึ้น จุดสังเกตง่ายๆ
เวลาเขียนแชทถามงานกับต่างชาติ จากเดิมต้องนั่งจดเป็นภาษาไทยก่อน แปลเป็นอังกฤษ แล้วเคาะส่ง ตอนนี้พิมพ์ประโยคง่ายๆ ได้เลย แม้แกรมม่าจะมั่วบ้าง เช่น “Please, share me project timeline again” (ผิดหลักแกรมม่าไปอีก) แต่คนอ่านก็เข้าใจ สำคัญที่สุดคือตอนประชุมกล้าพูดออกเสียงแล้ว เริ่มจากคำสั้นๆ อย่าง “Wait, I checking data” หรือ “Give me 2 minute” แม้ประโยคจะม้วนเป็นวงกลมดักแด้ แต่ก็รู้สึกโล่งมาก ไม่ต้องนั่งก้มหน้าก้มตาจนคอแข็งเหมือนแต่ก่อน
ที่เซอร์ไพรส์สุดคือต้นเดือนนี้เอง เพื่อนต่างชาติเดินเข้ามาปรึกษางานในห้องแบบฉุกเฉิน โดยไม่ทันตั้งตัว พอเขาถามเรื่องข้อมูลลูกค้า นึกในใจว่า “เสร็จแน่” แต่ดันตอบออกไปด้วยความเคยชินว่า “Data wait in Sharepoint, I show you” พูดจบก็อึ้งเหมือนกัน แต่ฝรั่งรีบเดินตามมาแล้วขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้เลยได้บทเรียนใหม่ว่า การทำงานจริงมันเริ่มจากความกลัวน้อยๆ แล้วหยิบจุดอ่อนนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์นี่แหละ
