เริ่มแรกภาษาอังกฤษกูเน่ามาก ไม่รู้ศัพท์ แกรมม่าก็ไม่แตก พูดไม่ได้เลย จนมีโอกาสต้องไปต่างประเทศ เลยบังคับตัวเองให้ฝึกแบบเข้มข้น
ช่วงทรมานสัปดาห์แรก
ตื่นมาก็เปิดยูทูปฟังเพลงฝรั่งทั้งวัน ขนาดล้างจานยังใส่หูฟัง พอเจอเพื่อนต่างชาติที่ร้านกาแฟพยายามทัก “ฮัลโหล” ยังพูดผิดเป็น “ฮะโหล่” พวกเขาหันหน้างงๆ แกล้งไม่ได้ยิน ตอนนั้นรู้สึกหน้าแตกมาก
-
วิธีแก้แผนแรก:
- ไปตลาดนัดซื้อสมุดบันทึกเก่าๆ มาหนึ่งเล่ม
- แปะคำศัพท์ของใช้ในบ้านทั้งวัน เช่น “กาต้มน้ำ= kettle” ที่ฝาหม้อ
- เวลาเข้าห้องน้ำก็ร่ายมนตร์ “toilet, soap, mirror…”

ฝึกไปสามวันเริ่มทนไม่ไหว คิดคำศัพท์ไม่ทันเวลาจะสั่งอาหาร เพื่อนรอต่อคิวอยู่หลังหลัง หยิบมือถือมาเปิดดิค แต่เน็ตช้าโหลดไม่ขึ้น สุดท้ายเลยชี้ๆ เอาที่ร้านสะดวกซื้อ นึกถึงท่าปลาไหลย่างอยู่นานกว่าจะนึกศัพท์ว่า grilled eel ได้
จุดพลิกผันวันที่โคตรสำคัญ
ไปเจอแกรนี่ใจดีที่สวนสาธารณะ แกเห็นเรานั่งฟังเพลงแล้วทักมา “Do you like BTS?” ตอนนั้นรัวๆหัวเราะเพราะตอบไม่ได้ว่า “ไคร่” ไม่ใช่ “ครัช” แกเลยสอนว่าให้เลิกเกร็ง เวลาไม่รู้คำศัพท์ให้ใช้ท่าประกอบ
-
เทคนิคของแกที่เอามาใช้:
- หัดอธิบายสิ่งของแบบง่ายๆ เช่น “กินได้ รสหวาน สีเหลือง” แทน “mango”
- เอาสติ๊กเกอร์มาปิดทีวีเขียนว่า “NO! Talk to real people!”
- ไปนั่งฟังคนเขาแช่ในร้านนานชาข้างบ้านทุกเช้า
ช่วงแรกๆนี่พูดติดขัดเหมือนรถเก่าคันระเบิด แต่สองอาทิตย์หลังเริ่มเป็นธรรมชาติ เวลาพูดผิดก็ขำๆกันเองแทนที่จะอาย มีอยู่วันนึงสั่งอาหารฝรั่งโดยไม่ชี้หน้ากลัว ได้ยินเค้าถาม “Any drinks?” ตอบได้ทันทีว่า “Water please!” แม่งน้ำตาจะไหล!
ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย
อยู่ต่างประเทศมาเจ็ดเดือนแล้ว แรกๆเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตยังไม่กล้าถามพนักงานว่าห้องน้ำอยู่ไหน ตอนนี้ชิลล์มาก ชวนแคชเชียร์คุยเรื่องดาราเกาหลีได้สบายๆ ขนาดไปขึ้นรถไฟสายท้องถิ่นยังโดนฝรั่งเดินมาถามทางได้!
สรุปสั้นๆให้เพื่อนๆ:
เริ่มจากเลิกอายก่อนเลย เอาชีวิตจมน้ำแล้วว่ายแบบไม่มีเก้าอี้ชูชีพ! ไม่ต้องพึ่งแอพมาก ฝึกให้ปากกับสมองทำงานร่วมกัน ผ่านเดือนแรกปุ๊บ คุณจะแปลกใจว่าตัวเองพูดได้โดยไม่ต้องคิดไทยในหัวแล้ว!
