เริ่มต้นอยากพูดอังกฤษได้คล่อง
แต่ไม่มีตังค์เรียนโรงเรียนสอนภาษาเพราะแค่ค่าเทอมลูกก็แทบแตก เลยนั่งกุมขมับคิดอยู่ครึ่งวันว่า “นี่เราจะมานั่งแพ้ให้ปัญหากินรวบเหรอ” จนถึงนาทีนั้นก็ไม่มีทางไหนสว่างกว่าเปิดมือถือค้นแอพฟรีแบบไม่ต้องลงทะเบียนให้วุ่นวาย
มือถือเครื่องเก่าก็ฝึกได้
ก่อนอื่นเอามือถือรุ่นสามปีแล้วของลูกชายมาถอดสายคาดออก หาแอพในเพลย์สโตร์ที่เขียนว่า “ภาษาอังกฤษพื้นฐาน” แค่นั้น แล้วเจอแอพนึงโหลดมาก็สามร้อยเมก หน้าตาเรียบๆสีขาวน้ำเงิน มีแบบฝึกหัดแยกเป็นหมวด “กิน-เที่ยว-ซื้อของ-ทำงาน” เลือกหมวด “กิน” ก่อนเพราะกำลังหิวข้าว

ค่อยๆฝึกเหมือนเด็กหัดเดิน
เปิดบทแรกก็มีแต่รูปภาพผักผลไม้ แตะรูปมะละกอทีไรเสียงฝรั่งผู้หญิงพูดว่า “Papaya” ทีแรกกดฟังสามรอบยังจำไม่ได้ต้องให้มันพูดซ้ำอีกสี่ที พอเริ่มจับทางก็ลองพูดตามแบบไม่แคร์สำเนียง “ปะ-พ้าย-ย่า!” ลูกวิ่งมาหัวเราะตอนได้ยิน รีบตะโกนแกล้งโมโหว่า “อย่ามายุ่ง!” แต่แอบยิ้มในใจเพราะนี่คือการพูดอังกฤษครั้งแรกในห้าปี
- ข้อดี : ยืนคิวรอหมอก็เรียนได้ นั่งรถสองแถวเขย่าไปมาก็ดันทบทวนได้
- ข้อเสีย : พอเรียนครึ่งชั่วโมงมือถือร้อนเป็นเตาถ่าน ลูกบ่นว่าถ้าไฟไหม้จะไม่เรียกผีดับเพลิงให้
เจอปัญหาอย่าถอดใจ
วันที่สามเจอหมวด “สนทนางาน” ติดขัดประโยค “Could you please send me the report?” อ่านสิบทียังไม่รู้ว่า “เค้า-ยู” นี่มันเขียนยังไง แก้ปัญหาง่ายๆโดยเปิดสมุดพกมาเหลาดินสอ แล้วเขียนแบบสะกดไทยกำกับ “เคด ยู พลีส เซนด์ มี เดอะ รีพอร์ท?” เวลาพูดก็จ้องสมุดเหมือนเด็กท่องสูตรคูณ
สุดสัปดาห์ที่สองเริ่มมั่นใจ พอเจอฝรั่งหลงทางถามทางในตลาดสด ก็พยายามออกเสียง “Turn left at…at…the chicken stall!” พอยันมือชี้ไปที่แผงไก่ แกก็ยิ้มแล้วพูด “Crystal clear!” แม้ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ดีใจจนเดินยิ้มตลอดทางกลับบ้าน
สรุปแบบคนผ่านสนามมา
หลังฝึกทุกวันเช้าเย็นอยู่สามเดือนได้ รู้ความจริงอยู่อย่างหนึ่ง : เครื่องมือดีแค่ไหนไม่สำคัญเท่าความดื้อของเรา วันไหนเครียดฟังไม่รู้เรื่องก็ปิดแอพไปหุงข้าวก่อน บางวันเลิกงานเพลียๆแค่เรียนห้านาทีก็เก็บได้หนึ่งคำศัพท์ เท่ากับวันนั้นไม่เสียชาติเกิด
ปิดท้ายนิดเดียว…เรียนอังกฤษเหมือนปลูกต้นไม้ ต้นกล้ามันยืนตายก่อนโตก็มีเยอะ แต่อันที่รอดคืออันที่เราไม่กลัวหน้าดำรดน้ำเช้าเย็นด้วยสองมือตัวเอง
