ในภาษาไทย คำนามส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงรูปเมื่อเป็นพหูพจน์เหมือนในภาษาอังกฤษ การแสดงความเป็นพหูพจน์มักอาศัยบริบทหรือการเพิ่มคำบางประเภทเข้าไป ต่อไปนี้คือหลักเกณฑ์และวิธีการทั่วไปในการทำให้คำนามเอกพจน์มีความหมายเป็นพหูพจน์
วิธีการแสดงความเป็นพหูพจน์
1. การใช้คำบอกจำนวน (Numerals)
วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการใช้ตัวเลขที่มากกว่าหนึ่งนำหน้าคำนาม หรือใช้คำว่า “หลาย” (lǎai – many)
- แมว หนึ่ง ตัว (maew nèung dtua – one cat) → แมว สอง ตัว (maew sǒng dtua – two cats)
- หนังสือ หนึ่ง เล่ม (nǎngsěu nèung lêm – one book) → หนังสือ หลาย เล่ม (nǎngsěu lǎai lêm – many books)
2. การใช้คำแสดงความเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะ (Plural Markers/Group Words)
มีคำหลายคำที่ใช้เพื่อบ่งบอกว่าคำนามนั้นหมายถึงหลายสิ่งหรือเป็นกลุ่ม คำเหล่านี้มักวางไว้หน้าคำนาม:
- พวก (phûak): มักใช้กับคน สัตว์ หรือสิ่งของที่มีลักษณะเป็นกลุ่มเดียวกันอย่างชัดเจน
ตัวอย่าง: พวกเรา (phûak rao – we), พวกนักเรียน (phûak nák-rian – the students), พวกหมา (phûak mǎa – the dogs/a group of dogs)
- เหล่า (lào): มักใช้กับกลุ่มคน สัตว์ หรือบางครั้งสิ่งของ ให้ความรู้สึกเป็นทางการหรือเป็นกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง: เหล่าทหาร (lào thahǎan – the soldiers), เหล่าเทพ (lào thêp – the deities), เหล่านี้ (lào níi – these ones)
- บรรดา (ban-daa): หมายถึง ทั้งหลาย, ทั้งปวง, ทั้งหมด มักใช้กับคนและให้ความรู้สึกค่อนข้างเป็นทางการ
ตัวอย่าง: บรรดาแขกผู้มีเกียรติ (ban-daa khàek phûu mii gìat – all the honored guests), บรรดานักปราชญ์ (ban-daa nák-bpràat – all the scholars)
- ทั้งหลาย (tháng-lǎai): หมายถึง ทั้งหมด, ทั้งปวง สามารถวางหลังคำนามได้ และใช้ได้กับทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ
ตัวอย่าง: ประชาชนทั้งหลาย (bpràchaachon tháng-lǎai – all the people), มนุษย์ทั้งหลาย (mánút tháng-lǎai – all mankind), สัตว์ทั้งหลาย (sàt tháng-lǎai – all animals)
- ฝูง (fǔung): ใช้กับสัตว์ที่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ตามธรรมชาติ
ตัวอย่าง: ฝูงปลา (fǔung bplaa – a school of fish), ฝูงนก (fǔung nók – a flock of birds), ฝูงลิง (fǔung ling – a troop of monkeys)
- กลุ่ม (glùm): ใช้กับคน สัตว์ หรือสิ่งของที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม อาจเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้
ตัวอย่าง: กลุ่มเพื่อน (glùm phûean – a group of friends), กลุ่มบริษัท (glùm borisàt – a group of companies), กลุ่มดาว (glùm daao – a constellation/group of stars)
- หมู่ (mùu): ใช้แสดงความเป็นกลุ่มก้อน หมวดหมู่
ตัวอย่าง: หมู่บ้าน (mùu bâan – village, group of houses), หมู่เกาะ (mùu gò – archipelago, group of islands), หมู่เลือด (mùu lêuat – blood type/group)
3. การซ้ำคำนาม (Reduplication – คำซ้ำ)
การซ้ำคำนาม (เติมไม้ยมก “ๆ” หลังคำนาม) เป็นวิธีที่นิยมใช้เพื่อแสดงความเป็นพหูพจน์ โดยเฉพาะกับคำนามที่เกี่ยวกับคน หรือเพื่อแสดงความไม่เจาะจงจำนวน หรือความหลากหลาย
- เด็ก (dèk – child) → เด็กๆ (dèk-dèk – children)
- เพื่อน (phûean – friend) → เพื่อนๆ (phûean-phûean – friends)
- พี่ (phîi – older sibling/person) → พี่ๆ (phîi-phîi – older siblings/people)
- วัน (wan – day) → วันๆ (wan-wan – days / many days, often indicating a period of time or routine)
- เรื่อง (rûeang – matter, story) → เรื่องๆ (rûeang-rûeang – various matters/stories)
ข้อสังเกต: การซ้ำคำไม่ได้ใช้ได้กับคำนามทุกคำ และบางครั้งอาจให้ความหมายเพิ่มเติม เช่น ความไม่แน่นอน หรือความหลากหลาย
4. การอาศัยบริบท (Contextual Plurality)
ในหลายสถานการณ์ ภาษาไทยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องหมายหรือคำบอกพหูพจน์ใดๆ หากผู้ฟังหรือผู้อ่านสามารถเข้าใจได้จากบริบทว่าหมายถึงจำนวนมากกว่าหนึ่ง

- ฉันชอบกินผลไม้ (chǎn chôp gin phǒn-lá-mái – I like to eat fruit/fruits.) – ความหมายเป็นพหูพจน์โดยนัยว่าชอบกินผลไม้หลายชนิดหรือหลายผล
- ที่นี่มีต้นไม้เยอะ (thîi nîi mii dtôn-mái yér – There are many trees here.) – คำว่า “เยอะ” (yér – many, a lot) ช่วยบ่งบอกความเป็นพหูพจน์
- นักเรียนเข้าแถว (nák-rian khâo thǎeo – Students are lining up.) – บริบทของการ “เข้าแถว” (lining up) มักสื่อถึงคนจำนวนมาก
การทำความเข้าใจและเลือกใช้วิธีการแสดงพหูพจน์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการสังเกตการใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน