ปีนี้ตั้งใจว่าจะพัฒนาภาษาอังกฤษให้เป๊ะปัง เลยเริ่มเสิร์ชหาวิธีฟรีๆ สบายกระเป๋า แล้วก็เจอคอร์สเรียนออนไลน์คุณภาพสูงเพียบ! แรกๆ ก็ตื่นเต้นน่าดู รีบจดชื่อคอร์สต่างๆ ลงในสมุด เยอะจนล้นกระดาษ แน่ะ
จัดตารางเรียนแบบบ้าเลือด
ปักหมุดคอร์สแรกไว้ที่ Grammar เบสิคของต่างประเทศ ชื่อดังๆ นี่แหละ เข้าไปดูแล้วแบบ… ว้าว! เนื้อหาจัดเต็ม แถมฟรีจริงๆ ไม่มีหลอก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเรียนไปได้สองอาทิตย์… ก็เริ่มเซ็ง! มันเข้มข้นเกินไป แถมบางทีเน็ตบ้านก็กาก ดูวิดีโอเด้งตลอด สุดท้ายกลายเป็นเรียนๆ อยู่ดีๆ ก็เปิดมือถือเล่นติ้กต่อกแทน อะแฮ่ม!
ปรับเกมใหม่ หาแบบ “ไม่ง่อย”
พอกระจ่างว่าตารางเรียนแบบจัดเต็ม 7 วัน ทำลายสมาธิ ของคนขี้เกียจแบบเรา เลยเปลี่ยนแผนทันที หันไปเจอคอร์สสั้นๆ บนแพลตฟอร์มใหญ่ของเมืองนอก บางทีก็เป็นวิดีโอสนุกๆ บนแพลตฟอร์มวิดีโอยอดฮิตนั่นแหละ เนื้อหาไม่น่าเบื่อ แกรมมาร์แทรกมาแบบเนียนๆ ได้ศัพท์เพียบ แถมอาจารย์สอนเวอร์ๆ ด้วย เรียนทีละ 15 นาที แค่นี้พอ ไม่งีบแน่นอน!

ลงมือทำแบบจริงจัง (ขั้นนึง)
- ขั้นที่ 1: หาแหล่งเรียนให้โอเค – คัดเฉพาะคอร์สที่เรียนจบใน 30 นาที สไตล์การสอนต้องรวดเร็ว ไม่ง่วง เราใช้เว็บใหญ่ๆ ที่ใครๆ ก็รู้จักนี่แหละ (ไม่บอกชื่อนะ แต่เลคเชอร์ฟรี ทั้งนั้น!)
- ขั้นที่ 2: ยึดเวลาตื่นเช้า – เอาจริงตอนแรกก็ขี้เกียจนะ แต่บังคับตัวเองให้ตื่น 7 โมงเช้า กาแฟแก้วนึงแล้วลงมือเรียนทันที เช้าสมองโล่งสุดๆ ฟังเข้าใจชัดกว่าเยอะ
- ขั้นที่ 3: ท่องจำเป็นรายวัน – ได้ศัพท์ใหม่ๆ มา ก็ไม่ปล่อยผ่าน จดใส่แอพโน๊ตในมือถือ วันนึงตั้งเป้าไว้ 3 คำ น้อยแต่ได้ทำทุกวัน เดือนนึงก็เกือบร้อยคำแล้วนะ!
ผลลัพธ์ตอนนี้
ครึ่งปีผ่านไป ต้องบอกตามตรงว่า พัฒนาขึ้นชัดเจน! เดี๋ยวนี้ดูคลิปทีวีนอกบางเรื่องเข้าใจเลย แม้บางช่วงยังฟังไม่ทันเหมือนฝรั่งเค้าเป๊ะๆ แต่รู้สึกว่ามั่นใจขึ้นเยอะ เวลาเจอลูกค้าต่างชาติที่ทำงาน ตอบโต้ได้ลื่นขึ้น ไม่ติดบึ้บเหมือนเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้ต้องหาคำเป็นชุดๆ เวลาจะพูด ฮือ! ที่สำคัญ คอร์สฟรีเหล่านี้มันได้ผล ถ้าเราไม่ทิ้งมัน แค่ว่าการจัดตารางต้องปรับให้เข้ากับนิสัยเราด้วย ไม่งั้นแย่แน่! ก็อู้ได้นี่แหละ ขี้เกียจแค่ไหน ก็พอมีทางฟิตภาษาได้ครับพี่น้อง!