วันแรกที่ตัดสินใจ ไม่มีพื้นฐาน แค่มีหัวใจ
เกริ่นก่อนว่าภาษาอังกฤษนี่เป็นเรื่องใหญ่เลย มองไปทางไหนก็มีแต่ศัพท์ยากๆ ทั้งนั้น แต่เรามีสกิลเท่ากับเด็กแรกเกิด คือเริ่มจากศูนย์เป๊ะ! เลยวางแผนง่ายๆ:
ขั้นตอนแรก: หัดฟังก่อนแบบไม่ต้องเกร็ง
เปิดยูทูปฟังเพลงซิงเกอร์ฝรั่งทั้งวัน แรกๆ ก็แค่ฟังเสียงเค้าลักนิดหน่อย ฟังไปก็มึนไป ไม่รู้เรื่องว่ากำลังร้องเกี่ยวกับอะไร แต่ไม่เป็นไร แค่ให้หูชินกับสำเนียงก่อน

- ช่วงเช้าฟังเพลงชิลล์ๆ ตอนอาบน้ำ
- ตอนรถติดก็เปิดเพลงป๊อปแค่เบาๆ
- แม่งบางทีนึกว่าตัวเองเป็นนักร้องเลย ฮะฮ้าฮะฮี้ไปด้วย
เจอทางตันก็ต้องเปลี่ยนเกม
ผ่านไปสองอาทิตย์ เริ่มรู้สึกว่ามันติดขัด เลยนั่งคิดใหม่ พอฟังเพลงอย่างเดียว มันก็ยังไม่ลื่นไหล เลยเปลี่ยนมาดูหนังที่ชอบ:
เคล็ดลับดูหนัง: ตัดซับไทยทิ้ง!
เอาเรื่องที่เคยดูซับไทยมาก่อนสิบรอบมาดูใหม่แบบไม่มีซับ พอมองหน้าตัวละครทีแรกนี่เหงื่อแตก ฟังแทบไม่ทัน แต่ใช้วิธีจิ้มมือถือหยุดเป็นพักๆ แล้วพูดตามเสียงตัวละคร
- ประโยคง่ายๆ เช่น “What are you doing?” ก็พูดซ้ำเป็นสิบรอบ
- บางทีกดย้อนจนเพื่อนบ่นว่าเป็นคนบ้า!
ช่วงข้ามผ่านความท้อ
อาทิตย์ที่สามรู้สึกเหมือนหมาแพนด้า คือมีขอบตาดำเพราะดูหนังดึกไปหน่อย แล้วเริ่มท้อเพราะรู้สึกไม่เก่งขึ้นเลย ทำไมมันยากจังวะ? เลยเอาหนังสือเก่าๆ ของน้องมาอ่าน
ไอเดียบรรเจิด: ใช้หนังสือเด็กประถม!
ยืมหนังสือบัตรคำศัพท์น้องชาย ป.3 มาเปิดๆ เห็นรูปสัตว์ รูปผลไม้ ก็ชี้แล้วพูดตาม พอรู้คำว่า “Apple” ชัดกว่าคำว่า “ส้มตำ” อีก!
เริ่มสะสมคำศัพท์วันละ 3-5 คำ เขียนใส่โพสต์อิทแปะรอบห้อง ตื่นมาก็เห็นคำว่า “toilet” ตรงประตูห้องน้ำ เข้านอนก็เห็น “bed” ตรงหัวเตียง

ผลลัพธ์เจ้าประจำเอาใจช่วย
เดือนที่ผ่านมาลองแชทกับแอพเรียนภาษา แม่งครั้งแรกมือสั่นเป็นโอ่ง! พิมพ์ผิดๆ ถูกๆ แต่สุดท้ายเจอชาวต่างชาติใจดีเค้าแก้ไขให้ ตอนนี้พัฒนาการคือ:
- สั่งกาแฟร้านดังในเกมได้แบบไม่อายแล้ว
- เพลงที่ฟังเริ่มแยกคำออกบ้างแล้วนะ
- เวลาใครทักทาย “How are you?” ตอบได้ฉลุยไม่ติดขัด
ตอนนี้ก็ยังไม่เก่งอะไรมาก แต่สิ่งสำคัญคือไม่กลัวแล้ว ใครก็เริ่มได้แม้ไม่มีพื้นฐาน แค่เริ่มจากง่ายๆ ก่อน ดีกว่ามัวแต่คิดว่าตัวเองไม่มีความรู้เลยแล้วไม่เริ่ม!