เป็นเรานะ บอกตรงๆ ว่าภาษาอังกฤษข้ากระแดะไม่ค่อยได้ตั้งแต่เรียนมาทั้งชีวิต อ่านทําใจเข้าใจหน่อย แต่พูดเนี่ยแหละ ยากโคตรๆ พอดีเห็นคอร์สเขาว่า “พูดได้เร็ว” ครูเจ้าของภาษาสอนเข้าใจง่ายสุด! เลยควักเงิน 5000 กว่าบาทสมัครปุ๊บเลย แบบตัดสินใจหน้าแหก เพราะมันโฆษณาน่านํ้าเชื่อเว่อร์
เริ่มต้นแบบอัดแน่น…หรือว่าตึ๊บ?
วันที่แรกเข้าเรียนออนไลน์ ครูฝรั่งหญิงยิ้มแป้นเลย พูดว่า “Hello!” นี่เราก็ชักหน้าไม่รู้หลัง ไม่กล้าตอบเลยอะ! เปิดคลิปมาก็เร่งกันเต็มเหนี่ยว เขาพูดเร็วอี๊ก เต็มไปหมดเลย ทั้งวลี ทั้งแกรมม่า ใส่มาหมดในวิดีโอแรกๆ แล้วบอก “Repeat after me!” เห้ย! เราพูดตามได้แต่เสียงงูๆ ปลาๆ พอพูดเองทีไร เงียบกริบ คิดแล้วคิดอีก กว่าจะออกมาได้เนี่ย…
แบบโมโหตัวเองรู้ไหม? ตังค์จ่ายไปแล้วจะยอม? เลยตั้งปณิธานต้องตะบี้ตะบันทําตาม! เขาบอกว่าต้องฝึกทุกวัน วันละ 1 ชม. ก็เอานะ ลงเวลาไว้ให้เหมือนเข้าเวร ครบ 7 วัน เหนื่อยเหมือนคนถูกลิฟต์ร่วงมา พูดได้นิดหน่อย แต่รู้สึกไม่ได้เรื่องเลยอะ งงๆ เหมือนสมองไหลแล้วก็มานั่งท่องประโยคเหมือนเดิม ฝึกไปงี้ก็เหมือนพยายามเติมนํ้าในถังรั่ว!

เมื่อเจอทางตัน (กับเด็กเสิร์ฟที่ทําให้รู้)
พอสัปดาห์ที่สองมันเริ่มท้อป่ะ บวกกับวันหนึ่งเราลองสั่งกาแฟที่ร้านฝรั่ง เด็กเสิร์ฟเขาถาม “Anything else?” เรายืนตาค้าง! แค่จะพูดว่า “That’s all, thank you.” ยังดํ้าไปชั่วโมงอะ! เลยเก็บอาการกลับมาในคลาส วันนั้นครูเขาสอนเรื่อง “Ordering Food” พยายามพูดตามเต็มที่ แต่พอถึงบทสนทนาเทียมกับครู อึดอัดมาก ไม่รู้จะเริ่มยังไง คําศัพท์มันหายไปหมด! เลยทักแชตไปหาผู้ช่วยที่เป็นคนไทย เฮ้ย! ผู้ช่วยคนไทยบอกมาแง่ๆ ว่า “อาจจะเพราะพื้นฐานไม่ค่อยมี ถ้าลําบากมากถอนคอร์สก่อนช่วงทดลองก็ได้นะคะ” นี่เหรอคือการให้กําลังใจ? แบบไม่อยากเชื่อ…
- เสียตังค์แพงๆ จะถอนดีมั้ย?
- ทําไมมันยากจังวะ?
- เราโง่ขนาดนั้นเลยหรอ?
พลิกวิธีจากง่าวเป็น “เออ ออ ได้ละ!”
โมโหแถมเจ็บใจ เลยปักหลักไม่ยอมแพ้! แต่เปลี่ยนมาขอคืนชีพใหม่ ตัดเรื่องแกรมม่าแบบเน้นๆ ทิ้งไปก่อน หัวใจหลักคืออยาก สื่อสารได้ เริ่มจากสิ่งรอบตัวที่เราต้องใช้จริงๆ นี่แหละ:
- แทนที่จะนั่งแปลในหัว เอาที่คุ้นเคยมาก่อน เช่น “Hello!”, “Thank you.”, “Sorry.” พูดให้มันมั่นใจ คล่องปากยิ่งกว่าป๊อดกระแส! ฟังไว้ก่อนถ้าไม่ทันก็ช่างมัน! ฟังซ้ําไปเรื่อยๆ
- เริ่มจากของง่ายๆ ใกล้ตัว เปิดมือถือตั้งภาษาอังกฤษซะเลย จะได้เห็นคําศัพท์ที่ใช้บ่อยทุกวัน เช่น “Call”, “Message”, “Camera”
- ที่สําคัญ! เริ่มพูดคนเดียว! ไม่ต้องอายห้อง ใครถามว่าทําไรก็บอกว่า “ฝึกภาษาอังกฤษ!” อาบนํ้า คิดว่า “กำลังเปิดนํ้ากรํ่าตัวเอง = I’m turning on the water.” กินข้าวก็พูดเองว่า “ข้าวอร่อย! = This is delicious!” แรกๆ เพื่อนร่วมห้องมองเหมือนคนบ้า แต่ช่างหัวมัน!
คราวนี้เวลาเข้าเรียน ฟังครูเจ้าของภาษาแล้วรู้สึกไม่ติดขัดเหมือนก่อน เริ่มซึมซับสําเนียงโดยไม่ต้องคิดแกรมม่าตลอด แถมเวลาให้พูด กล้าอ้าปากกว่าเดิมเยอะ! คือพอไม่ต้องคํานึงแกรมม่าเป๊ะๆ มันลื่นขึ้นไม่รู้ตัว ถึงจะผิดนิดหน่อย แต่ฝรั่งเขาเข้าใจอยู่แล้วล่ะ!
ตอนนี้…ได้เรื่องละน้า!
ใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ นะ ไม่ได้เก่งสุดๆ แต่ ความมั่นใจเพิ่มขึ้นชัดมาก! กลับไปที่ร้านกาแฟเดิมสั่งได้คล่องขึ้น เด็กเสิร์ฟเขายังทักเลยว่า “Better English haha!” คือดีใจขนาดกระโดดเต้นในใจละ! แม้แต่เจอฝรั่งหลงทางถามทาง ยังอธิบายได้เป็นประโยคง่ายๆ ให้เขาไปถูกทาง แน่นอนว่าไม่ลื่นไหลเหมือนภาษาแม่ แต่ สิ่งที่อยากสื่อสาร มันออกไปได้ตรงใจเขา นี่แหละสําคัญที่สุด!
สรุปให้เลย: คอร์สมันก็โอเคอยู่นะ ครูเขาพยายามสอนดี แต่สําหรับเราต้อง ปรับวิธีเรียน ของตัวเองด้วย! ถ้าเน้นแกรมม่าเยอะๆ คงถอดใจไปแล้ว เพราะมันเหมือนตอกยํ้าความกลัวตัวเอง ช่วงต้นเน้นการสื่อสารจริงๆ ซะก่อน ใช้สิ่งรอบตัว + กล้าพูด (แม้จะผิดบ้าง) มันพานก้าวหน้าขึ้นชัวร์! เดี๋ยวเราต่อเนื่องฝึกไปอีก ไม่แน่อาจไปเที่ยวเมืองนอกได้แบบไม่ต้องใจสั่นซ่าา!