จุดเริ่มต้นจากความสิ้นหวัง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนั่งคิดอยู่คนเดียวว่า ทำไมการพูดภาษาอังกฤษมันยากจัง กูพยายามมาหลายปีแต่ก็ยังงูๆ ปลาๆ ตอนเข้าประชุมกับฝรั่งทีไร เหงื่อแตกทุกที พอดีเจองานด่วนต้องคุยกับลูกค้าต่างชาติอีก เลยรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ต้องหาทางแก้จริงๆ จังๆ
แต่ปัญหาหลักคือ กูไม่มีเวลา! เลิกงานก็มืดค่ำแล้วนั่งรถเมล์กลับบ้านอีกเป็นชั่วโมง พอถึงบ้านเหนื่อยแทบขยับตัวไม่ไหว แล้วจะเอาที่ไหนไปนั่งเรียนคอร์สแพงๆ หรือติวกลุ่มตามสถาบัน เลยปิ๊งความคิดว่า น่าจะหาครูที่สอนตัวต่อตัวออนไลน์ฟรีดูบ้าง น่าจะเหมาะกับตารางงานกูสุด
ลงมือหาจริงจัง
เริ่มแรกเลย กูเปิดกูเกิลเสิร์ชหัวข้อแบบตรงๆ เลยว่า “หาครูสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวฟรี” ผลลัพธ์ที่ได้คือ:
- เว็บแชร์ทักษะ (Language Exchange): เข้าไปดูเว็บนึงที่บอกว่าเรียนฟรี พอสมัครเสร็จ เจอแผนการเรียนฟรีแค่บทแรก บทต่อไปต้องจ่ายเงิน! อารมณ์เหมือนโดนล่อซื้อของ รู้สึกเสียเวลาโคตรๆ
- กลุ่มเฟซบุ๊ก: แว้บเข้าไปในกลุ่ม “เรียนภาษาอังกฤษฟรี” ที่เพื่อนแชร์มา โพสต์ถามเบาๆ ว่า “มีใครพอสอนตัวต่อตัวฟรีไหมครับ ขอแบบออนไลน์ด้วย” พอดีมีคนหนึ่งอินบ็อกซ์มาบอกว่า “รับสอน คลาสละ 200 บาท”. โอ้แม่เจ้า! มันฟรีตรงไหนวะเนี่ย?
- แอพมือถือ: โหลดแอพนึงที่อ้างว่าคนสอนเป็นอาสาสมัคร พอดีเจอคนนึงนัดเวลาคุยกันได้ ปรากฏว่าเวลาที่นัดคือ ตีหนึ่งครึ่ง! เพราะครูอาสาอยู่คนละเขตเวลา กูจะตื่นไปทำงานไหวเหรอฟะเนี่ย!
ทำทุกรูปแบบแล้วแทบจะถอดใจ หลายที่เหมือนจะฟรีแต่สุดท้ายดักไว้ให้จ่าย ฟีลลิ่งเหมือนถูกหลอกตลอด
เจอทางแก้ในที่สุด
ไปๆ มาๆ กูรู้สึกหงุดหงิดเอง เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ไม่เน้นหา “ครู” เป็นหลัก แต่ไปเน้นหา คอร์สหรือโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้ได้พูดตัวต่อตัวจริงๆ แบบฟรี:
- ศูนย์วัฒนธรรมของบางประเทศ: เคยได้ยินมาว่าบางที่เขามีคอร์สฟรี ช่วยฝึกภาษา เลยลองโทรไปสอบถาม โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใจดีบอกว่าเขาเปิดโปรแกรมอาสาสมัคร “Talk Time Tutor” สำหรับคนทำงานพอดี! กูรีบสมัครทันทีด้วยความตื่นเต้น
- ขั้นตอนสมัคร: กรอกฟอร์มออนไลน์ เลือกวัน-เวลาเองได้ (กูเลือกวันเสาร์บ่าย สัปดาห์ละครั้ง) เลือกระดับภาษาตัวเอง พูดเป้าหมายที่อยากฝึก (กูเขียนไปว่าอยากใช้ในการทำงานโดยเฉพาะ)
- การจับคู่: รออีเมลยืนยันอยู่ประมาณอาทิตย์นึง แล้วก็มีเมลมาว่าจับคู่ให้กับครูอาสาคนไทยที่ทำงานเป็นล่ามมาก่อน! เขาบอกว่าสามารถปรับการสอนตามตารางงานเราได้
ประสบการณ์เรียนวันแรก
พอถึงวันนัด แป๊บเดียวก็ล็อกอินเข้าไปในลิงค์ที่เขาส่งมา ไม่ต้องติดตั้งอะไรให้วุ่นวาย แค่เปิดกล้องเปิดไมค์คุยกันสดๆ ครูก็คุ้นเคยกับคนทำงาน เข้าใจอาการเหนื่อยเลิกงาน บรรยากาศเป็นกันเอง ไม่กดดัน:
- เริ่มจากพูดคุยสบายๆ เกี่ยวกับงานของกู ประมาณ 10 นาที เลยรู้จุดที่ต้องปรับเยอะมาก
- จากนั้นครูก็ให้บทสนทนางานที่กูเจอบ่อยๆ มา แล้วให้กูลองเล่นเป็นตัวเอง
- พอพูดผิด เขาก็ช่วยแก้ให้ทันที แถมสอนทริคการจำง่ายๆ ไว้ใช้เจอนายฝรั่งจริงๆ
- คุยไปเพลินๆ จนลืมเวลา 50 นาทีผ่านไปเหมือนแปปเดียว แถมหลังจากเรียน ครูยังส่งสรุปจุดที่ควรฝึกมาย้ำด้วย!
ข้อดีที่โดนใจคนไม่มีเวลา
พอผ่านไปหลายสัปดาห์ กูรู้สึกเลยว่าแบบนี้แหละที่ต้องการ:
- นัดเวลาเองได้: ถ้าวันไหนเลิกงานดึก ก็ขอย้ายนัดไม่โดนหักเงิน ไม่โดนตราหน้าว่าไม่ตั้งใจเรียน เพราะครูอาสาเข้าใจดี
- เรียนที่บ้านโลด: ไม่ต้องเผื่อเวลาเดินทาง ไม่ต้องแต่งตัวให้วุ่นวาย สลัดกางเกงยีนส์นั่งสบายๆ ในบ้านก้อได้เรียน
- โฟกัสแก้จุดอ่อน: บอกตรงๆ ว่ากูอ่อนเรื่อง Present Project, ครูก็เน้นช่วยตรงนั้น แบบไม่ต้องนั่งเรียนรวมกับคนอื่นให้เสียเวลา
- ไร้กังวลเรื่องเงิน: ไม่ต้องคอยนับว่าหมดชั่วโมงเทสต์แล้วต้องจ่ายหรือยัง เรียนได้เต็มที่แบบไม่คิดมาก
สุดท้ายนี้ ใครเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบกู ขาดวินัด ไม่มีเวลา และไม่อยากควักเงินออกจากกระเป๋าตอนสิ้นเดือน แนะนำให้ลองหาคอร์สหรือโปรแกรมที่เน้น บริการสังคม หรือ ความร่วมมือทางวัฒนธรรม แบบนี้ดู แต่อย่าลืมว่าเราต้องจริงจังกับเขาเหมือนกันนะ นัดอะไรไว้ต้องไปให้ได้ เพื่อให้โอกาสดีๆ แบบนี้ยังมีให้คนอื่นๆ ต่อๆ ไปด้วย! คราวหน้าผมจะมาเล่าประสบการณ์เรียนอาทิตย์ที่ 5 ว่าเป็นยังไงบ้าง งานเข้าไปแทรกระหว่างเรียนจะเกิดอะไรขึ้น!