ขั้นแรกกับการลงมือทำ
เดือนมกรา 2020 เห็นเพื่อนโพสถามแอพเรียนฟรี เลยลองไปโหลดมาใช้ ปกติเคยยัดเงินเรียนคอร์สแพงๆ มาก่อน แต่คราวนี้อยากลองของฟรีดูบ้าง
เปิดแอพมาปุ๊บเจอคำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นคำๆ แบบเรียงเป็นลิสต์ยาวเหยียด หน้าตาเหมือนดิกชันนารีเก่าเก็บ แต่โหดกว่าตรงที่มันให้ท่องศัพท์วันละ 30 คำขึ้นไป ตอนแรกกดจำได้มานิดหน่อย พออีกสามวันลืมได้ยังกับเปิดเทอม
ด่านปราบเซียน
แต่พอเปิดมาดันเจอด่านแรกทันที มันมีเกมส์ให้เล่น–ไม่ใช่เกมส์ไร้สาระนะ–แบบให้ดูรูปแล้วเลือกคำตอบถูก สัปดาห์แรกเล่นไปถูกลืมไป นั่งด่าหุ่นยนต์ในแอพเพราะทำไมให้ท่อง “elephant” ซ้ำทุกวัน ทั้งที่ตัวแม่งก็ไม่เห็นเกี่ยวกับบทเรียนเลย

เคล็ดลับมันอยู่ตรงเทคนิคการยัดคำศัพท์ แอพนี้ดันดึกดำบรรพ์ ไม่ได้ใช้ระบบขยี้ความจำแบบอื่น มันจะยัดเวลาเรียนให้แปลกๆ เช่น หลังกินข้าวเที่ยง 15 นาที หรือก่อนนอน 5 นาที จำได้ว่าเคยโดนแจ้งเตือนตอนกำลังนอนหลับลึก!
หักดิบกับชีวิตประจำวัน
เลยต้องทำตัวเกเรหน่อย คือตั้งเวลาแจ้งเตือนเองในมือถือ พบว่าต้องบังคับตัวเองทำสามอย่าง:
- เก็บภาพคำศัพท์มาแปะจุดใช้ชีวิต เช่น เอาภาพขนมปังแปะตู้เย็น
- เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุกเป็นเสียงอ่านศัพท์ (“breakfast” แทนเสียงออด)
- สัปดาห์แรกทวงแฟนให้มาสุ่มถามคำศัพท์ตอนกินข้าว…สัปดาห์หลังแฟนเริ่มหนีหาย
ผลที่ได้หลังจากยี่สิบวัน? โคตรเซ็ง! พอเปิดไปหน้าเนื้อหาหลักกลับพบว่าท่องแต่ศัพท์โดยไม่รู้วิธีเอาไปใช้ จำได้แค่ศัพท์ใกล้ตัวแต่พอนัดเจอคำว่า “appointment” ในบทสนทนาจริงกลับมึนเหมือนแกะ
ความจริงที่โหดกว่าที่คิด
ปลายเดือนกุมภาถึงได้รู้ว่า แอพมันแบ่งส่วนคำศัพท์กับส่วนบทสนทนาเป็นคนละโลก คนทำแอพคงคิดว่าให้ผู้ใช้ไปต้มยำเอาเอง เวลาจะฝึกพูดเลยต้องกระโดดหน้าไปมาแบบไม่เป็นธรรมชาติ พอพยายามฟังเสียงในแอป เออเวอร์! ฟังเหมือนหุ่นยนต์ท้องเสีย
สรุปผลลัพธ์สุดท้ายหลังใช้สองเดือน: ศัพท์จำได้ประมาณ 100 คำที่ใช้บ่อย แต่ถ้าให้พูดเป็นประโยคติดดินติดทรายยังทำไม่ได้เลยครับ