ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในฐานะภาษากลางสำหรับการสื่อสารระหว่างประเทศ การค้า และการศึกษาทั่วโลก มีหลายประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่หรือส่วนสำคัญใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในชีวิตประจำวันและในกิจการต่างๆ อย่างเป็นทางการหรือกึ่งทางการ
กลุ่มประเทศตัวอย่างที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง
การกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็น “ภาษาที่สอง” อาจหมายถึงการเป็นภาษาราชการร่วม หรือเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการศึกษา ธุรกิจ และการติดต่อระหว่างกลุ่มชนต่างๆ ภายในประเทศ ต่อไปนี้คือตัวอย่างกลุ่มประเทศที่ภาษาอังกฤษมีบทบาทดังกล่าว:
- ประเทศในเอเชีย: เช่น อินเดีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, และมาเลเซีย ในประเทศเหล่านี้ ภาษาอังกฤษมักเป็นหนึ่งในภาษาราชการ และถูกใช้อย่างกว้างขวางในระบบการศึกษา หน่วยงานราชการ และภาคธุรกิจสำคัญๆ ทำให้ประชากรจำนวนมากมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ดี
- ประเทศในแอฟริกา: หลายประเทศในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้นำภาษาอังกฤษมาใช้เป็นภาษาราชการหรือภาษาหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ไนจีเรีย, เคนยา, กานา, และแอฟริกาใต้ (ซึ่งมีภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในหลายภาษาราชการ)
- ประเทศในแคริบเบียน: ประเทศหมู่เกาะจำนวนมากในแถบแคริบเบียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและเป็นภาษาหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงในระบบการศึกษาและสื่อสารมวลชน เช่น จาเมกา, บาร์เบโดส, และตรินิแดดและโตเบโก
- ประเทศในโอเชียเนีย: บางประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการหรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันอย่างแพร่หลาย เช่น ฟิจิ และปาปัวนิวกินี (ซึ่งมีภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาราชการ)
- ประเทศอื่นๆ: ยังมีประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ที่ภาษาอังกฤษมีสถานะสำคัญ เช่น ปากีสถาน ที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมกับภาษาอูรดู และใช้ในวงการราชการและธุรกิจระดับสูง
ปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านี้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองมักเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การเป็นอาณานิคม ความจำเป็นในการรวมชาติที่มีความหลากหลายทางภาษา หรือเพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก การศึกษา และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ ระดับความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาอังกฤษและขอบเขตการใช้งานอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและในกลุ่มประชากรย่อยภายในประเทศนั้นๆ
