วันก่อนนั่งจัดอัลบั้มรูปเก่า เจอบิลค่าเรียนสมัยไปอังกฤษเมื่อปี2017 นึกขำตัวเองที่ตอนนั้นคิดแต่ว่า “เอาเหอะ ขอให้ได้ใบปริญญากลับมาก็พอ” แต่พอย้อนดูจริงๆ มันคุ้มมั้ยนะ?
เริ่มต้นจากคำถามกวนๆ ในใจ
ตั้งแต่ตัดสินใจจะเรียนต่อ ป้าข้างบ้านถามทุกอาทิตย์ “ทำไมไม่เรียนเมืองไทย? เงินเป็นแสนเอาไปลงทุนทำธุรกิจดีกว่า” ก็เลยเริ่มเปิดกูเกิลตีราคาเองก่อนแต่…ตัวเลขทำให้เวียนหัวมาก ตอนรวบรวมข้อมูลนี่แทบเป็นลม:
- อังกฤษ : ค่าเทอมหลักสี่แสน บวกค่ากินอยู่ปีนึงเกือบล้าน
- ออสเตรเลีย : เพื่อนบอกตอนหาเช่าหอเจอห้องนอนเท่าโถงรถไฟฟ้า ราคาเดือนละสองหมื่น!
- แคนาดา : ฟังวิทยุไทยในเวนคูเวอร์ปุ๊บน้ำตาซึม เพราะคิดถึงข้าวแกงราคายี่สิบบาท
ตัดสินใจเอาดื้อๆ วันที่นั่งดูยูทูปแล้วเห็นนกกินโดนัทในลอนดอน เซนส์เดิมๆ มันบอกว่า “เดี๋ยวก็ลืมทุกอย่างที่เจ็บปวด ถ้าตอนแก่มาคิดใหม่จะเสียดาย” เลยรีบสมัครสอบIELTSทันทีด้วยความฮึด!

เจอหลักแหลมไป 5 จุดจอด (พร้อมปัญหาคาใจ)
1. อังกฤษ – สนุกแต่หนาวลึกถึงกระดูก
อาทิตย์แรกในลอนดอนฝนไม่หยุดตกเลย จนhostทักว่า “ถ้าอยากเห็นแดดจังๆ ลองเดินเข้าโซนยุโรปแผ่นดินใหญ่ในพิพิธภัณฑ์ดิ” ภาษาก็ยากชิบ แค่สั่งกาแฟพนักงานยังถาม“You mean flat white?” ทั้งที่พูดชัดๆ ว่า “เอสเปรสโซ่”
2. ออสเตรเลีย – สัตว์ร้ายสอนให้เก่งขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
อาศัยอยู่เมลเบิร์นสองเดือน ฮีตเตอร์พังตอนกลางคืนนี่ทรมาณมาก แต่ปัญหาที่หนักกว่าคือเจอแมงมุมhuntsmanในครัวบ่อยกว่ามันฝรั่งทอด! ทำให้skillการวิ่งเร็วขึ้นโดยไม่ต้องเข้าฟิตเนส ส่วนค่าครองชีพนี่…ข้าวผัดปูจานนึงสามร้อยบาท เคยกินมาม่าแทนข้าวสามมื้อติดกันสามวัน
3. แคนาดา – เรียนจบเป็นหนี้เป็นสินถ้วนหน้า
มีเพื่อนไทยในโตรอนโตหลายคน ใครๆ ก็บ่นค่าเทอมปีละหกแสน บางคนต้องรีดไข่เจียวขายหลังเลิกเรียน ตัวเองก็ลองส่งCVไปpart-timeกว่า20ที่ จนสุดท้ายได้งานล้างจานร้านเวียดนาม ได้ชั่วโมงละ200บาท (ต้องเดินกลับหอตอนตีสองหน้าหนาวติดลบ)
4. อเมริกา – ใบปริญญาแลกด้วยสุขภาพ

อยู่แมนฮัตตั้นช่วงซัมเมอร์ งานรุมตั้งแต่ตีห้าจนดึก ร้องไห้ในห้องน้ำบ่อยๆ จากpressureนรก ตอนสอบกูเกิลไม่ได้ เพราะอาจารย์ใช้โปรแกรมจับตา แต่กลับยอมให้cheatได้ถ้ามีใบdoctor note เวลาป่วยคนไข้ต้องจ่ายค่ารักษาเป็น$150ต่อคิว!
5. ไอร์แลนด์ – เสียเงินไปกับของฟรี
พวกเขาชอบบอกว่า“Everything’s free here!” เวลาไปงานeventของมหาลัย แต่พอได้คอร์สเรียนฟรีจริงๆ กลับเจอเงื่อนไขว่า “ฟรีสำหรับคนลงเรียนวิชาหลัก” ซึ่งทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมหลักอยู่ดี -_-‘
สรุปที่ห่วยแตกตรงนี้
อย่าไปหวังว่าจะฟังBBCออกหมดถ้าคิดแต่นั่งท่องศัพท์ในห้อง ปูผ้าห่มสวยๆ แล้วถ่ายรูปอัปIGอย่างเดียว ถามจริง…ถ้าเลือกได้ใหม่จะไปเรียนintensive courseที่เพชรบุรีแทน
แต่ความคุ้มก็อยู่ที่การปรับตัวตอนหลังตัน ตอนเอาคำว่า“sorry”ที่คนอังกฤษพูดวันละยี่สิบครั้ง ไปขู่พนักงานเน็ตไอดอลให้จัดการปัญหาให้ มันรู้สึกว่าตั๋วเครื่องบินสองหมื่นห้าไม่แพงเกิน!
ป.ล. แม้เงินจะหมดบัญชีหลังเรียนจบ แต่ไอ้ที่จำศัพท์ทิชชู่แบบ“loo roll”ไม่ลืม มันทำให้รู้สึกว่าสักวันคงใช้ได้เมื่อไรที่บินไปเที่ยวพาสปอร์ตสีฟ้าอีกที 555+