คือเราเคยคิดว่าเรียนอังกฤษเนี่ยต้องจ่ายแพงนะ ไปสถาบันชื่อดังสิ คอร์สละเป็นหมื่น แต่พอมีลูก expenses เยอะจัด เลยทดลองศึกษาดูเองก่อน
เริ่มจากศูนย์ยังไงให้ไม่ท้อ
แรกๆนี่เปิดดิกทีไรปวดหัวทุกที พยัญชนะมันไม่ตรงไทยเลยอะ จำวันละห้าคำก็แทบแย่แล้ว เพื่อนบอกให้ฝึกฟังเพลงฝรั่ง เราก็เปิดยูทูบหาเพลงเด็กๆที่มีซับไตเติ้ล ฟังไปสองสามทีเริ่มจับทางได้ว่า พวกคำง่ายๆแบบ “cat”, “dog” นี่มันออกเสียงไม่เหมือนที่เราคิดไว้! ปัดตกไปเยอะมาก
- หาสื่อฟรีในเน็ต – เจอคลิปสอนท่อง A B C แบบช้าๆ เปิดซ้ำสิบรอบ
- เขียนศัพท์แปะทั่วบ้าน ตู้เย็นติด “milk” กระจกห้องน้ำติด “mirror”
- เลียนเสียงการ์ตูนดิสนีย์ตอนอ่านให้ลูกฟัง (แบบไม่สนหน้าตัวเมา)
เจอทางตันแล้วแก้ยังไง
ผ่านไปอาทิตย์นึงเริ่มจ๋า แปลทีละคำรู้เรื่อง แต่พอเจอประโยคยาวๆแบบ “This is a red apple.” นี่สมองตื้อเลย! ตอนนั้นเกือบยอมแพ้แล้วนึกถึงเงินคอร์สเรียนหมื่นกว่า… เลยเปลี่ยนแผนใหม่:

หยิบนิทานเด็กสองภาษามาอ่านเองก่อนนอน วันแรกอ่านแค่หน้าเดียวก็ปวดตา เพราะต้องเปิดดิกทุกคำ! แต่พอวันที่สามเริ่มเห็นคำซ้ำๆ พวก “is”, “the”, “you” นี่โผล่ทุกหน้า จำได้แบบไม่ต้องคิดแล้ว ใช้เทคนิคโน๊ตสติ๊กเกอร์สีแปะส่วนต่างๆ ในบ้าน พอเห็นทีไรก็ร้องเป็นอังกฤษ เช่น เปิดตู้เย็นเห็นสติ๊กเกอร์ “cold” ก็บ่นว่า “It’s so cold!” ไปเรื่อย
ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
ผ่านมาเดือนนึ่ง วันนึงลูกชี้ไปที่แมวแล้วร้อง “Meow!” เราก็ดันพูดตามโดยอัตโนมัติว่า “Yes! That’s a cat!” ตัวเองยังตกใจที่พูดได้โดยไม่ต้องแปลในหัวก่อน ตอนนี้เริ่มฟังพอดแคสต์ง่ายๆ รู้เรื่องประมาณ 30% แต่ที่ภูมิใจสุดคือ ประหยัดเงินคอร์สแรกไปได้ตั้งหมื่น แถมฝึกตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องรีบไปเรียนหลังเลิกงาน
ตอนนี้ยังอ่อนอยู่ แต่วันไหนท้อก็ดูคลิปแรกที่เคยดูแล้วยิ้มได้ เห็นพัฒนาการตัวเองชัดเจน ใครอยากลองทำแบบเรา เริ่มจากของง่ายๆในบ้านนี่แหละ ใช้ได้จริงกว่าเรียนศัพท์ระดับสูงแต่ไม่เคยใช้ ถ้าเราทำได้ทุกคนก็ทำได้มั้ง