เริ่มต้นแบบดื้อๆเลยนะวันนี้ ยังไม่ทันกินข้าวเช้าด้วยซ้ำ เห็นหัวข้อในเว็บมันแว็บขึ้นมาก็เข้าไปอ่านดื้อๆเลย ตัวหนังสือมันเป็นภาษาอังกฤษเต็มหัวเลยอ่ะ แล้วปุ๊บก็เหมือนคนบ้า ก้มๆเงยๆมองไปที่ดิกชันนารี่เล่มเก่าที่ทิ้งไว้ตรงโต๊ะทำงาน คิดในใจเออเว้ยถ้าอยากเก่งอังกฤษก็ต้องเริ่มสักที่
ของเก่าในบ้านนี่แหละใช้ก่อน
ลุกไปคว้าดิกเล่มสีแดงๆนั่นมา ฝุ่นจับหนาเลยอ่ะ นานแล้วไม่ได้จับ บางหน้าซีดจางแทบอ่านไม่ออก หนังสือแบบเรียนเก่าๆติดตามเก็บไว้ในลิ้นชัก อารมณ์แบบคนติดของนั่นแหละ เปิดดูครึ่งชั่วโมงก็เริ่มท้อ มันเป็นศัพท์ยากๆทั้งนั้นเลย รู้สึกเหมือนโดนรถไฟชนปุ๊บ
ไปตายเอาดาบหน้า
สตาร์ทรถปุ๊บ เป้าหมายคือร้านหนังสือใกล้เซเว่น ไม่คิดแล้วว่าจะได้อะไรหรือเปล่า รถมันติดแดงไปสามแยกเลยยันร้าน พอเดินเข้าร้านก็นิ่งไปเลย ตู้หนังสือภาษาอังกฤษแผ่นเต็มไปหมด แต่มีป้ายติดว่า ‘เริ่มต้น 0’ โผล่มาโชว์หน้าหนึ่งเล่ม ราคาสองร้อยกว่าบาท คิดหนักว่าจะซื้อดีมั้ย มือก็ล้วงกระเป๋าตังค์ก่อน

ขั้นตอนการลงมือทำแบบบ้านๆของฉัน
- ยกสมุดเปล่าจากรถมา 1 เล่ม เอาไว้จด
- ไม่เปิดดิกก่อน ค่อยๆอ่านตัวอย่างในหนังสือเบสิคเล่มใหม่
- เอานิ้วชี้จิ้มไปที่คำที่รู้จัก เช่น cat หรือ apple ที่เห็นรูปในสมุดแล้วฮ่าๆ
- ถ้าเห็นคำศัพท์น่าโมโหก็ขีดเส้นใต้แดงไว้ก่อน ค่อยมาเปิดดิกทีหลัง
- เวลาจดก็แค่ก๊อปตัวหนังสือลงสมุด ไม่ต้องพยายามแปล
ฝนตกแถวบ้านนี่ชะมัด
อยู่ได้ไม่ช้าฝนก็ตกระหว่างขับกลับ หอบหนังสือกับสมุดเปียกปอนไปนั่งต่อที่ร้านกาแฟบ้านๆ ตอนสั่งนี่ตื่นเต้นมาก เห็นเมนูภาษาอังกฤษปะปนภาษาไทยก็ท่องในใจ “คัฟเฟ่ ลัทเต้ อเมริกาโน่…” พอพนักงานเดินมาก็ตอบไปเลย “เอา…อเมริกาโน่ 1…” พูดเสร็จเหมือนผ่านด่านไปได้หนึ่งด่าน ถึงแม้ว่าพี่เค้าจะดูงงๆก็เถอะ
นั่งจิบกาแฟไปพลางๆ ขีดๆเขียนลงสมุดด้วยดินสอ 2B กลิ่นฝนใหม่ๆที่ปนเข้ามา มันรู้สึกดีกว่าอ่านอยู่ที่บ้านเยอะ ตอนแรกแปปเดียวเท่านั้น น้องบีเขาก็ตะโกนเรียก “โอ่ย นี่แกนั่งผิดโต๊ะแล้ว” พอหันไปเห็นมือถือหายไปตั้งสองเครื่อง นี่นี่ดิ้นรนทั้งวันยังไงฟะ
ช่วงเวลาปล่อยวาง
กลับถึงบ้านพักนี่สมุดเล่มเกือบเต็มไปด้วยตัวอักษรสู้ชีวิต เจอคำว่า tomorrow ก็เขียนไม่เป๊ะ สะกดแบบมั่วๆไว้ก่อนว่า “ทูโมโร่ว” ฝนตกหนักไม่หยุดก็เอาแผ่นเก่ามาแปะปกกันน้ำ เปิดดูหนังสือเล่มใหม่ที่โดนฝนซึมเปื้อนไปครึ่งเล่ม แต่ไม่เป็นไรเลยสักนิด เพราะวันนี้คือจุดเริ่มต้นที่เหมือนโดนผลักตกเหวอ่ะ
โทรศัพท์มันดังขึ้นตอนเกือบทุ่ม เป็นเสียงน้องเมย์ถามว่า “เป็นไงบ้างคอร์สเรียนภาษา” กำลังจะตอบว่าเหนื่อยเหมือนลากเก้าอี้ขึ้นดอย แต่ดันเอะใจขึ้นมาว่าตลอดวันนี้… ไม่เคยรู้สึกว่าท้อเลยสักนาที เหมือนได้กลับมาเป็นนักเรียนมือใหม่ไฟแรงอีกครั้งน่ะเฝอะ แค่เขียน abc ลงสมุด มันก็ครื้นเครงไปอีกแบบ