วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เราลองเรียนพูดเกาหลีให้เร็วแบบไม่กี่อาทิตย์นะ จริงๆเราเองก็ไม่ใช่คนเก่งภาษาแต่ลงทุนซื้อสมุดจดหนาๆมาสักเล่มนึง เริ่มจากเปิดยูทูปหาเพลงโปรดที่ร้องง่ายๆมาก่อนเลย เลือกเพลงไอเดิ้ลนี่แหละเพราะคำซ้ำเยอะ ฟังไปร้องตามไปทั้งที่รู้แค่ภาษาไทยซะส่วนใหญ่ เสียงเหมือนหมาเห่าให้เพื่อนบ้านฟังยังสงสาร
อาทิตย์แรก: ตกกระไดพลอยโจน
ลองทำตามคลิปสอนบนเน็ตบอกว่าให้ฝึกทุกวัน วันแรกๆนี่ตื่นเต้นมาก ยัดคำศัพท์วันละ 20 คำ ก่อนนอน ปรากฏว่ามืดแปดด้านจำได้แค่ “안녕하세요” กับ “고맙습니다” ถ้าเจอคนเกาหลีนอกจากทักทายกับขอบคุณก็ทำไรไม่ได้แล้ว เพื่อนบอกให้ลองใช้แอพฝึกภาษา ก็โหลดมาแต่พอเห็นต้องเสียเงินก็ปิดทันที
- วันจันทร์: ฝึกถามทางแบบง่ายๆ “화장실 어디예요?” (ห้องน้ำอยู่ไหน) ฝึกจนคล่องเลย แต่วันพุธไปกินร้านกิมจิเจอพนักงานเกาหลี อยากไปห้องน้ำจริงๆแต่พูดไม่ออกเพราะตื่นเต้น จนสุดท้ายยืนทำท่าแกว่งตัวอยู่หน้าคิวเหมือนเด็กก่อนอนุบาล
- วันศุกร์: อัดคอร์สสอนพูดเร่งรัดบนเน็ต ครูฝรั่งสอนให้พูดว่า “잘 먹겠습니다” (จะทานแล้วนะ) ก่อนกินข้าว ตอนไปซื้อต๊อกบกกีถุงนึง ยืนยิ้มกว้างบอกแม่ค้าปุ๊บ แม่ค้าทำหน้าตกใจแล้วหัวเราะก๊ากใส่เราแบบไม่เกรงใจ
- อาทิตย์: นั่งท่องทั้งวันว่า “제 취미는 노래 부르는 것입니다” (งานอดิเรกคือร้องเพลง) พออัดเสียงส่งในกลุ่มเรียน เลยโดนเพื่อนแซวว่าพูดเหมือนโดเรม่อนกำลังมีอาการสะอึก
อาทิตย์สอง: กฎ 3 ข้อพลิกชีวิต
เริ่มรู้ตัวว่าวิธีเดิมใช้ไม่ได้เลยคิดกฏใหม่แค่ 3 ข้อ (1) เลิกสนแกรมม่าชั่วคราว (2) เลือกเรียนแค่ประโยคที่ใช้จริง (3) เอาชีวิตไปเสี่ยง เริ่มจากเดินเข้าร้านอาหารเกาหลีที่ไม่ยิ้มให้แขกเลย ปรากฏว่าสั่ง “김밥 하나 주세요” (ข้าวห่อสาหร่าย 1 อัน) สำเร็จ! ถึงแม้พนักงานจะยื่นบิลมาโดยไม่มองหน้าแต่ก็นับว่าเซอร์วิสลึกซึ้ง

ฝึกถามคำถามเดิมซ้ำๆอย่างบ้าคลั่งในชีวิตจริง เปิดช่องฟังวิทยุเกาหลีตอนล้างจาน พอเปิดไปสามวันจะเอาผ้าห่มก็นึกขึ้นได้ว่าควรพูด “이불 주세요” (เอาผ้าห่มมาให้) แทนการลากเก้าอี้ไปไขล็อคตู้ ในที่สุดก็เริ่มสังเกตความต่างของน้ำเสียง เช่น เสียงพนักงานขนส่งที่กรี๊ด “안돼요!” (ไม่ได้!) ตอนเราเหยียบกล่องพัสดุ
อาทิตย์สาม: ความผิดพลาดที่เฉลิมฉลอง
คราวนี้เพิ่มความท้าทายโดยไปตลาดเกาหลีคนเดียว เจอเรื่องช็อคสองอย่าง คือลองชิมกิมจิวางขายแล้วเผลอส่ายหน้าเพราะเผ็ดจัด พูดออกไปว่า “맵지 않아요?” (ไม่เผ็ดใช่ไหม?) ทั้งๆที่ควรถามว่า “맵아요?” (เผ็ดไหม) คุณป้าเจ้าของร้านมองตาแดงก่ำเหมือนจะเอาผักดองยัดปากเรา
แต่เรื่องแจ่มคือตอนนั่งรถแท็กซี่ นึกประโยคขอบคุณแบบใหม่ได้ว่า “감사합니다. 열심히 했습니다!” (ขอบคุณครับ/ค่ะ ฉันพยายามเต็มที่แล้ว!) เจอคนขับใจดีบอกเราว่า เข้าใจว่าอยากฝึกภาษาเลยเอาไปส่งฟรี ยิ่งกว่ารับรางวัลโนเบลสาขาโดนใจคนขับแท็กซี่
ตอนนี้พอเจอคนเกาหลีเราจะพยักหน้าไม่หยุดเหมือนนาฬิกาไขลาน ไม่ต้องเก่งหรอก แค่เริ่มลองพูดไปเรื่อยๆ แม้บางครั้งจะมั่วเป็นภาษาเวทมนตร์ แต่มันเวิร์คจริงน้า ใครไม่เริ่มสักทีก็เหมือนเราเดือนที่แล้วที่ไปสั่งข้าวแกงแบบเงียบๆเพราะกลัวพูดผิด