เริ่มต้นเปิดสมุดเก่าครับ
ว่างๆ เลยคว้าหนังสือสอนออกเสียงอังกฤษเล่มเก่าที่ซื้อไว้ตอนลดราคามาเลยครับ ดันเจอกรีดปากกาเน้นข้อความสีเหลืองเป็นทาง บนหน้าวิธีฝึกออกเสียง ตอนนั้นยังไม่เคยทำตามหรอก คราวนี้แหละต้องลอง
เปิดมาหน้าการฝึกเสียงสระก่อนเลย ยัดหูฟังคู่เก่าเข้าหู ลองฟังไฟล์เสียงตัวอย่างในหนังสือ:
- เอาแท็บเล็ตกดเล่นเสียง “sit” กับ “seat” ฟังซ้ำไปซ้ำมา
- ปิดตา เลียนแบบปากแบบนกแก้ว อ๊า-อา-อ๊า (æ กับ ɑ:)
- มือซ้ายจับที่คอ นับการสั่นก้อง เสียงสระยาวๆ
เจอทางตันตรง “th”
พอขยับมาฝึกเสียงพยัญชนะถึงได้รู้เลย ปัญหาเดิมๆ มันโผล่มาแล้ว เวลาพูดคำว่า “think” กับ “this” ปากมันฝืนนิสัย:

- พยายามยื่นลิ้นให้เลยฟันหน้า แต่เหมือนกำลังเลียนหมาหลิวแดกน้ำ
- พอจะพูด “that” กลับกลายเป็น “แดท” แทนเพราะรีบหุบปากเร็วไป
- เอามือจับคางไว้ บังคับให้ปากไม่ขยับ ขยับแค่ลิ้นอย่างเดียว รู้สึกเกร็งจนตาลาย
ที่สุดเลยหยิบโทรศัพท์มาอัดเสียงตัวเอง ตั้งไมค์ใกล้ๆ ปาก เปิดพัดลมทิ้งไว้ พอพูดเสร็จเปิดฟัง… หน้าแตก เสียง “thank you” ออกมาเป็น “แซ็งกิ๊ว” แถมมีเสียงลมพัดวู้ว์วับในไมค์ด้วย!
ยัดตู้เย็นช่วยไม่ได้
ลองเทคนิคในยูทูบบ้างก็มีคนบอกให้อมน้ำแข็งก่อนฝึก ลิ้นจะยืดหยุ่นกว่า เลยไปเอาฟองน้ำในช่องฟรีซมาแทะ คราวนี้เจ็บลิ้นแสบตาล่ะครับ ตะลึงเมื่อพบว่ากลับพูดเพี้ยนกว่าเดิม! ร้อนๆ หนาวๆ จนนึกว่าทำคอกร้าง
สุดท้ายเปลี่ยนแผน มาแปะโพสอิทคำศัพท์เต็มตู้เย็น เวลาเปิดหาน้ำดื่มก็ต้องอ่านออกเสียงทุกคำ:
- ตู้เบียดกระป๋องเป๊ปซี่ เขียนว่า “refrigerator”
- ด้านบนน้ำเต้าหู้ติดป้าย “mischievous” (มึนเลยตัวนี้)
- ตรงช่องซองนมเสริม “through” ทีละย่างก้าว
ปรากฏว่าแม่มาเห็นแล้วงง บอกลูกนี่มันบ้าอะไร ซื้อของมาเยอะเดี๋ยวจะพูดไม่ทัน!
จับน้องแมวเป็นผู้ฟัง
ก่อนนอนนึกสนุก อุ้มแมวมานั่งบนตัก เปิดหนังสือฝึกพูดบทสนทนา:
- อ่านคำถาม “How are you?” ด้วยน้ำเสียงเน้นเกินหูแมวแว่บหนี
- ตอบเองเสียงล้อเล่น “I’m pawsitive!” (เจตนาเล่นคำนะเนี้ย)
- รู้สึกเหมือนสมองฝรั่งกับสมองไทยชนกันในกะโหลก
ทวนไป 3 รอบ แมวเบื่อจนเอาเล็บเกี่ยวมือปลิดชีวิต ลุกเดินหน้ากระแทกพื้นให้ได้ยินด้วยความดูถูก นี่แหละฟีดแบคสุดโหด แค่หัดภาษาอังกฤษทำไมชีวิตต้องเจ็บปวดเบื่อหน่ายขนาดนี้!