พอดีช่วงนี้เห็นหลายคนถามวิธีฝึกภาษาอังกฤษแบบเร่งด่วน เลยจะมาแชร์เทคนิคที่ตัวเองลองมาสามสิบวันตรงนี้ บอกเลยว่าการบ้านที่ต้องทำทุกวันนี่สำคัญมาก ถ้าใครขี้เกียจเดี๋ยวแรกก็ควรเลิกอ่านได้เลย
เริ่มจากศูนย์แค่ยื่นไมค์แล้วพูดตาม
วันแรกๆนี่ประหม่ามาก เปิดคลิปในยูทูบเจอฝรั่งพูดประโยคง่ายๆแบบ “How’s your day?” แต่พอยกมือกดอัดเสียงตัวเองทีไร พูดไม่ออกทุกที กลืนน้ำลายตั้งสามรอบกว่าเสียงจะออกมาได้ รู้เลยว่าปากมันแข็งจริงๆ จนต้องยอมปิดประตูห้องซะหน่อย กลัวแฟนได้ยินเสียงขี้อายตอนเราพูดผิด
- อาทิตย์แรก: บังคับตัวเองวันละชั่วโมง เลียนแบบบทสนทนาในรายการโทรทัศน์ เริ่มจากประโยคสั้นๆก่อนเนาะ แม่งตอนแรกท่องไปน้ำตาไหลไป เพราะพูดตามไม่ทันเลย
- อาทิตย์สอง: เปลี่ยนเป็นฟังเพลงฝรั่ง ปิดตาพูดตามแบบไม่ต้องคิดแกรมม่า ใครจะว่ายังไงช่างมันเถอะ ผลคือผ่านไปสิบวันยังจำโครงสร้าง can you…? / I would like…ไม่ได้ซักที แต่มันเริ่มลื่นปากนะ
จุดเปลี่ยนวันที่สิบห้า – โมโหจนต้องปรับแผน
พอขึ้นอาทิตย์สาม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงแฟน พนักงานถามแค่ “What toppings?” นี่ตะกุกตะกักสิบนาที คำที่เพิ่งท่องเมื่อกี้หายไปหมดราวกับโดนโกน劫ถอน根 พอวางสายปุ๊บ หักตะเกียบทีเดียว โทษฐานที่มันขวางหูตัวเองอยู่ เลิกใช้สมองคิดแกรมม่าเลย จำว่าเวลาคนไทยคุยกัน เขาก็ไม่มานั่งผันกิริยาไรงี้
เทคนิกป่วน: ตื่นมาก็ส่องกระจก คุยกับหน้าตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ แรกๆรู้สึกบ้าไปหน่อย เช่นตอนแปรงฟันก็บอกว่า “I’m brushing teeth. My breath is bad.” (ฮา) แต่พอนึกคำไม่ออกรีบเปิดดิกทีละคำ ผ่านไปแปดวัน เริ่มนึกศัพท์ออกเองได้แล้วแหละ
อาวุธลับที่หลายคนไม่ทำ – เขียนไดอารี่คำต่อคำ
ก่อนนอนนี่ต้องใช้เวลาสักยี่สิบนาที เขียนว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง จะเขียนแบบเด็กประถมก็ได้ แบบ “I eat pad thai. It very spicy.” (ผิดแกรมม่าแต่มั่นใจ) พอครบเดือนนึงย้อนกลับไปอ่านหน้าแรก ขำน้ำตาเล็ด เพราะตอนนั้นยังสะกด delicious ว่า “ดิลิเชียส” ตรงตัว แถมใช้ are กับ he
- สิ่งที่พบหลังสามสิบวัน: พูดผิดเปรมแล้วไม่ลิ้นแข็ง ถึงแกรมม่ายังรวนแต่เชื่อมโยงศัพท์เป็นภาพได้ เช่น smell good = กลิ่นทุเรียน, bad smell = น้องหมาสี่วันไม่อาบน้ำ
- ตรงกันข้ามกับที่คิด: ยิ่งฝึกคนเดียวเยอะ ยิ่งพอเจอคนตัวจริงแล้วไม่ตื่นเต้น เพราะเคยเหวี่ยงคำผิดใส่กระจกมาหมดแล้ว
สรุปสั้นๆเลยนะ ถ้าอยากพูดไวต้องทิ้งดิกไม่ให้เป็นพระเจ้า ท่องไม่เก่งก็ไม่เป็นไร ให้พูดก่อนแล้วค่อยตามแก้ ผมยังเอาคำว่า “broom” มาเรียกไม้ถูพื้นอยู่เลย (ขำ) แต่ตอนนี้สั่งกาแฟใส่ oat milk ได้โดยไม่เขินแล้วนะ สิบกว่าบาทนั้นมันแพงค่าความมั่นใจจ้า
ปล. ห้ามทิ้ง! ยิ่งพูดผิดก็ยิ่งภูมิใจ อย่างน้อยก็ฟาดฝรั่งไปหนึ่งประโคม